ผอ.ทีเซลส์เผยกำลังเร่งผลักดันให้มีกฏระเบียบสำหรับควบคุมการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในไทย ที่ขณะนี้รักษาได้เฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโลหิตจางเท่านั้น ขณะที่อื่นๆ ยังอยู่ระหว่างวิจัย เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยมี อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นแกนหลัก และร่วมด้วยโรงพยาบาลต่างๆ
งานวิจัยด้านสเต็มเซลล์กำลังมาแรงในวงการแพทย์ทั้งไทยและเทศ ส่วนการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดยังนับว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่ก็มีบางโรคที่ได้รับการยอมรับแล้วว่ารักษาด้วยวิธีนี้ได้ ทว่าธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์ก็เริ่มผุดขึ้นตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งยังไม่มีกฏระเบียบที่ควบคุมตรงนี้ชัดเจน
นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผอ.ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือทีเซลส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การรักษาโรคด้วยสเต็มเซลล์ในประเทศไทยนั้นมีเพียงโรคธาลัสซีเมียและลูคิเมียเท่านั้น ซึ่งมีมานานหลายปีแล้ว ส่วนโรคอื่นๆ ยังอยู่แค่ขั้นตอนการวิจัย ยังไม่มีการยืนยันว่าใช้รักษาได้จริง
“การให้บริการในด้านนี้ก็ไม่ง่ายนัก เพราะธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพค่อนข้างมีความเสี่ยง การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ส่วนมากก็ยังอยู่ในขั้นวิจัย ทีเซลส์จึงผลักดันให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลต่างๆ ร่วมกันกำหนดกฏเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้นมาเพื่อควบคุมให้การให้บริการการและรักษาด้วยสเต็มเซลล์มีมาตรฐาน ถูกต้องตามหลักการ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ โดยขณะนี้กำลังดำเนินงานอยู่” นพ.ธงชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี ผอ.ทีเซลส์ก็ยังไม่มีคำตอบว่ากฎระเบียบนี้จะเสร็จสมบูรณ์และมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่
ทั้งนี้ มีผู้ป่วยมากมายทั่วโลกที่ป่วยด้วยโรคที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายได้ เช่น เบาหวาน อัลไซเมอร์ส กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น ซึ่งสเต็มเซลล์ได้กลายเป็นความหวังหนึ่ง เพราะนักวิจัยมั่นใจในศักยภาพของสเต็มเซลล์ว่าจะสามารถเจริญไปเป็นเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆได้ ซึ่งงานวิจัยด้านสเต็มเซลล์ในประเทศไทยก็มีหลายสถาบันที่ดำเนินการวิจัยอยู่
ล่าสุดสภากาชาดไทยก็เตรียมจัดตั้งธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตแห่งชาติ เพื่อรับบริจาคสเต็มเซลล์จากเม็ดเลือดสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
