สปสช.แจงผู้ไม่มีสิทธิบัตรทอง หากใช้บริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ให้เข้า รพ.สังกัด สธ.ก่อน จนกว่ามีความชัดเจนทางกฎหมาย หลังต้องชะลอจัดสรรงบตามมติบอร์ด ผู้มีสิทธิบัตรทองรับบริการตามเดิม
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากบอร์ด สปสช. เห็นชอบชะลอการจัดสรรงบสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ค่าบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ค่าบริการสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2566 เฉพาะผู้ที่ไม่ใช่สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จำนวน 5,146.05 ล้านบาท เพื่อรอความชัดเจนในข้อกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามมติ สปสช. ได้หารือเพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการ ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อประชาชนและหน่วยบริการ ได้มีการประชุมชี้แจงแนวทางดำเนินการทั้ง 13 เขตพื้นที่ เพื่อประสานกับหน่วยบริการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
"ย้ำว่า สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้กองทุนบัตรทอง ยังคงเดินหน้าให้บริการประชาชนเช่นเดิม โดยผู้มีสิทธิบัตรทอง ยังเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพฯ ทุกแห่งตามปกติ แต่ผู้มีสิทธิอื่น ขอให้เข้ารับบริการที่หน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทุกแห่งก่อน เป็นตามนโยบายของ สธ. ระหว่างนี้ สปสช.จะเร่งหารือกับหน่วยบริการรัฐนอกสังกัด สธ. เช่น กทม. กลาโหม ท้องถิ่น และโรงเรียนแพทย์ เพื่อเพิ่มช่องทางเข้ารับบริการผู้ที่ไม่ใช่สิทธิบัตรทอง" นพ.จเด็จกล่าว
นพ.จเด็จกล่าวว่า สปสช.จำเป็นในการชะลอจัดสรรงบประมาณกว่า 5 พันล้านบาทออกไปก่อน ซึ่งเป็นงบบริการสร้างเสริมสุขภาพที่ดูแลประชาชนไม่ใช่สิทธิบัตรทองระหว่างรอตีความข้อกฎหมาย ยืนยันว่า นโยบาย สปสช. ยังคงสนับสนุนการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เพื่อสร้างนำซ่อมดูแลสุขภาพคนไทยทุกกลุ่มวัยด้วยสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุม พร้อมจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอ รวมถึงช่องทางบริการที่หลากหลายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากที่สุด
"สำหรับหน่วยบริการภาคเอกชนที่ร่วมให้บริการในระบบบัตรทอง ในกรณีสร้างเสริมสุขภาพฯ ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ขอให้เป็นการบริการเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองไปก่อน แต่หากมีสิทธิอื่นมาขอรับบริการ เช่น ฝากครรภ์ คัดกรองโรค เป็นต้น ให้แนะนำไปรับบริการที่หน่วยบริการสังกัด สธ.ดูแลต่อไป" นพ.จเด็จกล่าว
ส่วนรายการค่าบริการสาธารณสุขที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนถิ่นซึ่งครอบคลุมการดูแลผู้มีสิทธิอื่นด้วยนั้น นอกจากการปรับจ่ายเงินสมทบเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทองในส่วนของกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) แล้ว ในส่วนของกองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (กองทุน LTC) ซึ่งดูแลผู้ที่ไม่ใช่สิทธิบัตรทอง 1,719 คน จะประสานไปยัง อปท. ที่ร่วมจัดตั้ง LTC ให้การดูแลต่อเนื่อง