รองปลัด สธ.เผยผลหารือ สปสช. เห็นตรงกัน แยกจัดสรรงบบัตรทองปี 66 ส่วนบริการผู้ป่วยทั้งหมด 90% ให้ รพ.ก่อน ยกเว้นส่วนงบส่งเสริมป้องกันโรคอีก 10% ที่รอตีความปมดูแลครอบคลุมสิทธิข้าราชการ ประกันสังคม ผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อลดผลกระทบ รพ. เตรียมเข้าบอร์ด สปสช. 14 ธ.ค. หากเห็นชอบ จัดสรรให้ รพ.ได้ปลาย ธ.ค.
เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากข้อห่วงใยกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ยังไม่ลงนามในหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566 ทำให้ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณหลักประกันสุขภาพฯ หรืองบบัตรทองลงไปยังหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลต่างๆ สาเหตุมาจากการนำงบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) ไปใช้ให้บริการนอกเหนือจากสิทธิบัตรทอง คือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม อาจไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่และภารกิจตามมาตรา 5 , 6 , 7 , 9 และ 10 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สธ.ร่วมกับ สปสช.หารือคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีความชัดเจน
นพ.พงศ์เกษมกล่าวว่า เบื้องต้น สธ.และ สปสช.เร่งแก้ไขปัญหาโดยคำนึงถึง 3 เรื่องหลัก คือ 1.ประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ โดยให้หน่วยบริการในสังกัด สธ.ทุกแห่ง จัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามปกติ 2.รพ.ไม่เดือดร้อน และ 3.ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งจากการหารือนอกรอบเมื่อสัปดาห์ก่อน เลขาธิการ สปสช.เห็นชอบตรงกันเรื่องข้อเสนอให้แยกจัดสรรเงินบริการประเภทผู้ป่วยนอก (OP) ผู้ป่วยใน (IP) และรายการอื่นๆ ที่เป็นงบส่วนใหญ่ไปให้หน่วยบริการก่อน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการ เนื่องจากงบบัตรทองปีงบ 2566 วงเงิน 204,140.03 ล้านบาท เป็นงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่รอการพิจารณาทางข้อกฎหมายเพียง 21,381.11 ล้านบาท หรือ 10% เท่านั้น ส่วนอื่นๆ เป็นงบส่วนใหญ่ เช่น งบเหมาจ่ายรายหัว 161,602.67 ล้านบาท ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 3,978.48 ล้านบาท ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 9,952.18 ล้านบาท เป็นต้น จึงขอให้แยกจัดสรรไปก่อน
"เรื่องการจัดบริการประชาชน ขณะนี้ รพ.ของ สธ.ยังดำเนินการตามปกติ ส่วนใหญ่มีงบประมาณพอรองรับการดำเนินงาน ระหว่างนี้หาก รพ.ใดมีข้อติดขัดขอให้แจ้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด จะช่วยแก้ไขปัญหาระดับจังหวัด และรายงานผู้ตรวจราชการ สธ.ประจำเขตสุขภาพ แก้ไขปัญหาระดับเขต โดย บอร์ด สปสช. จะประชุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ หากมีมติให้แยกจัดสรรงบตามที่ สธ.เสนอ คาดว่าหน่วยบริการจะได้รับจัดสรรงบส่วนใหญ่สำหรับดูแลประชาชนภายในปลาย ธ.ค. 2565" นพ.พงศ์เกษมกล่าว