เริ่มพรุ่งนี้! สิทธิบัตรทองป่วย 42 กลุ่มโรค-อาการ ใช้สิทธิรักษา "การแพทย์ทางไกลแบบผู้ป่วยนอก" ได้ผ่าน 4 แอปฯ นำร่องก่อน 2 แอป กู๊ด ด็อกเตอร์ และคลิกนิก ในพื้นที่ กทม. พร้อมส่งยาถึงบ้านผู้ป่วย
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า บอร์ด สปสช.เห็นชอบบรรจุ “บริการแพทย์ทางไกล” เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 โดยในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ในปีที่ผ่านมา สปสช.ยังร่วมกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันดูแลผู้ป่วยโควิด 19 กลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย เพื่อช่วยลดความแออัดของ รพ. ดังนั้น จึงได้ขยายการให้บริการการแพทย์ทางไกลในลักษณะผู้ป่วยนอกทั่วไป (OP Telemedicine) ครอบคลุมรักษา 42 กลุ่มโรคและอาการ ร่วมกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล จำนวน 4 แห่ง ได้แก่
1.กู๊ด ด็อกเตอร์ โดยจีดีทีคลินิกเวชกรรม 2.Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม 3.Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม และ 4.Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม เพื่อดูแลประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทอง เบื้องต้นกำหนดนำร่องบริการให้ผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเป็นโรคทั่วไปเฉพาะในพื้นที่ กทม. เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2565 ใน 2 แอปพลิเคชันก่อน คือ 1.กู๊ด ด็อกเตอร์ ไลน์ไอดี @gdtt และ 2.Clicknic (คลิกนิก) ไลน์ไอดี @clicknic
"สิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่ กทม. หากเจ็บป่วยตาม 42 กลุ่มโรคและอาการ สามารถเลือกใช้บริการทั้ง 2 แอปนี้ได้ ผ่านไลน์ของทั้ง 2 แอป จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำขั้นตอน เมื่อพบแพทย์ออนไลน์จะมีการจัดส่งยาไปให้ที่พักอาศัย กรณีมีหน่วยบริการประจำอยู่ต่างจังหวัด แต่เดินทางมาทำธุระใน กทม.แล้วเกิดอาการเจ็บป่วยตาม 42 กลุ่มโรค ก็ใช้สิทธิได้ ขอให้มีที่อยู่จัดส่งยา รับยาและรักษาตัวตามคำแนะนำของแพทย์ผ่านระบบออนไลน์" นพ.จเด็จกล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ผู้ร่วมให้บริการต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล (ส.พ.7) ที่ระบุ “มีการบริการการแพทย์ทางไกล” และให้บริการได้ตามประกาศ สธ.เรื่อง มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลโดยใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล พ.ศ.2564 มีระบบพิสูจน์ตัวตนยืนยันการใช้สิทธิก่อนรับบริการ มีแพทย์พร้อมบริการ มีระยะเวลาบริการ 10 -15 นาทีต่อครั้ง หรือจนกว่าแพทย์จะวินิจฉัยและสั่งการรักษาได้ ต้องมีร้านยาเครือข่ายจัดส่งยาให้คำแนะนำและติดตามการใช้ยาให้กับผู้ป่วยได้ภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังจัดระบบ AMED Telehealth ให้ผู้ให้บริการบันทึกข้อมูลการให้บริการผู้ป่วย และข้อมูลใช้ในการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการจาก สปสช.
สำหรับ 42 กลุ่มโรคและอาการ มีดังนี้ 1.ข้อเสื่อมหลายข้อ 2.ตาแดงจากไวรัส 3.ตาแดงจากไวรัส ที่มิได้มีรหัสระบุรายละเอียด 4.ข้อเสื่อมโดยทั่วไปปฐมภูมิ 5.เนื้อเยื่ออักเสบ 6.วิงเวียน มึน 7.ปวดศีรษะ 8.อาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียอื่น 9.อาการท้องร่วง 10.กระเพาะและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ 11.ไข้ไม่ทราบสาเหตุ 12.ความผิดปกติของระบบการทรงตัวของหู 13.โรคตากุ้งยิงและตุ่มอักเสบเรื้อรังที่หนังตา 14.การอักเสบของเยื่อบุตา 15.การติดเชื้อไวรัส ที่มิได้ระบุรายละเอียด 16.กล้ามเนื้อเคล็ด 17.ติดเชื้อไวรัสไม่ระบุตำแหน่งที่เป็น 18.ข้ออักเสบข้อเดียว ที่มิได้มีระบุรายละเอียด 19.เยื่อบุจมูกและลำคออักเสบเฉียบพลัน(หวัดธรรมดา) 20.ไข้ ไม่ระบุชนิด
21.เวียนศีรษะบ้านหมุนเฉียบพลัน แบบไม่รุนแรง 22.ปวดท้องช่วงบน 23.การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลันหลายแห่งพร้อมกัน 24.ลมพิษ 25.ปวดท้อง และปวดอุ้งเชิงกราน 26.เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 27.ลมพิษ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 28.ปวดหลังส่วนล่าง 29.คออักเสบเฉียบพลัน 30.ต่อมทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน 31.คออักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 32.การติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบนแบบเฉียบพลัน
33.กระเพาะอาหารอักเสบ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 34.อาการปวดท้องอื่นๆ และอาการปวดท้องที่ไม่ระบุ 35.ข้ออักเสบหลายข้อ ที่มิได้ระบุรายละเอียด 36.ต่อมทอลซิลอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด 37.เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้ ที่มิได้ระบุรายละเอียด ปวดกล้ามเนื้อ 38.เยื่อจมูกอักเสบจากการแพ้หรือการเปลี่ยนอากาศ 39.ข้ออักเสบแบบอื่น 40.ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน 41.ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน ที่มิได้ระบุรายละเอียด และ 42.การติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย