กรมควบคุมโรค เตือน“ไข้มาลาเรียโนวไซ” แพร่จากลิงสู่คน มีแหล่งรังโรคในลิงหลายสายพันธุ์ ห่วงพบป่วยมากขึ้น ครึ่งปีงบ 65 เจอแล้ว 70 ราย จากเดิมพบปีละ 10 ราย ระนอง-สงขลา-ตราด พบมากสุด เร่งสอบสวนโรคแล้ว พร้อมสำรวจลิงรังโรค ย้ำกลุ่มเข้าป่าสัมผัสลิง หากมีไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น เหงื่อออก ให้รีบพบแพทย์
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้มาลาเรียชนิด “โนวไซ” (Plasmodium knowlesi) เป็นโรคไข้มาลาเรียที่ติดต่อจากลิงสู่คน โดยยุงก้นปล่องกัดลิงที่มีเชื้อแล้วมากัดคน ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่า ยุงสามารถนำเชื้อจากคนสู่คนได้ ลิงที่เป็นสัตว์รังโรคในไทย ได้แก่ ลิงกัง ลิงวอก ลิงเสน ลิงแสม และลิงอ้ายเงี๊ยะ พบรายงานผู้ป่วยในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2547 พบปีละประมาณ 10 รายมาตลอด ส่วนครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 - 31 มี.ค. 2565 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียจากเชื้อชนิดนี้แล้ว 70 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ระนอง สงขลา และ ตราด ดังนั้น ผู้ที่มีประวัติสัมผัสลิงในป่าในพื้นที่จังหวัดดังกล่าว แล้วมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่น เหงื่อออกมาก ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และแจ้งประวัติเข้าป่า เพื่อให้การรักษารวดเร็ว หากช้าอาจมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรงและเสียชีวิตได้ สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือทำงานในป่า นักท่องเที่ยว ควรป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด โดยสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด ทายากันยุง และนอนในมุ้ง
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค ได้เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคไข้มาลาเรีย โดยใช้เทคโนโลยีการรายงานผู้ป่วยผ่านระบบมาลาเรียออนไลน์ในการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนภัยทุกสัปดาห์ และเมื่อพบผู้ป่วยแต่ละราย มีการใช้มาตรการ 1-3-7 คือ รายงานผู้ป่วยภายใน 1 วัน ติดตามสอบสวนการป่วย ภายใน 3 วัน และดำเนินการควบคุมกำจัด การแพร่เชื้อโรคไข้มาลาเรียอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใน 7 วัน รวมถึงมียารักษาที่เพียงพอ ทั้งนี้ กองโรคติดต่อนำโดยแมลงได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ระนอง และ สงขลา สอบสวนโรคผู้ป่วยไข้มาลาเรียโนวไซที่พบเพิ่มมากขึ้นอย่างละเอียด เพื่อวางแผนป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งจะประสานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อสำรวจและควบคุมโรคในลิงที่เป็นรังโรค ขอให้หน่วยงานสาธารณสุขและผู้นำชุมชนร่วมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากโรคไข้มาลาเรียชนิดนี้