xs
xsm
sm
md
lg

2 สัปดาห์ ติด “โควิด” เพิ่ม 70% ป่วยหนัก-ดับเพิ่ม 2 เท่า หวั่นยังผ่อนคลายยอดยิ่งพุ่ง สธ.ขอเข้มระดับ 4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.เผย 2 สัปดาห์ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 70% ขณะที่ปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ เสียชีวิต เพิ่มขึ้น 2 เท่า แต่เทียบกับตอนเดลตาผู้ติดเชื้อเท่าๆ กัน ยังน้อยกว่า 10 เท่า ห่วงหากยังผ่อนคลาย ไม่เข้มป้องกันตนเอง อาจติดเชื้อสูงขึ้นและป่วยรุนแรงมากขึ้น ย้ำทุกจังหวัดเข้มระดับ 4 งดเข้าสถานที่เสี่ยง งดรวมกลุ่ม ชะลอการเดินทาง

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผอ.กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทยและหลายประเทศรอบบ้านอยู่ในช่วงขาขึ้น จากสายพันธุ์โอมิครอน แต่ไม่ได้สูงเท่าฝั่งยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ เราฉีดวัคซีนมากกว่า 120 ล้านโดส จึงพอป้องกันการป่วยรุนแรงได้ อย่างไรก็ตาม โอมิครอนแพร่เร็ว และอาการไม่รุนแรง แต่หากแพร่มาสู่คนที่มีโรคประจำตัว หรือไม่ได้ฉีดวัคซีน อาจทำให้อาการรุนแรงได้ ดังนั้น การดูสถานการณ์ต่อจากนี้จะดูที่ผู้ป่วยอาการหนัก ปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตเป็นหลัก ซึ่งวันนี้มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 905 ราย ซึ่งเพิ่มจาก 2 สัปดาห์ที่แล้วที่พบ 569 ราย ถือว่าเพิ่มขึ้นมาเกือบ 2 เท่า ใส่ท่อช่วยหายใจ 240 ราย จาก 113 ราย ถือว่า 2 เท่าเช่นกัน

“ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ มาจากการมีการติดเชื้อจำนวนมาก แม้โอมิครอนจะรุนแรงน้อย แต่อาจจะมีการแพร่ระบาดจำนวนมากจนไปเจอกับกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการหนักได้ ส่วนเสียชีวิต 38 รายก็เพิ่มขึ้น 2 เท่าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบอัตราการเสียชีวิตรายสัปดาห์ในช่วงที่ผู้ติดเชื้อสูงใกล้เคียงกัน พบว่า ช่วงเดลตาเสียชีวิตสูง 1,823 ราย ส่วนโอมิครอน 188 ราย ต่างกัน 10 เท่า แต่หากปล่อยให้การติดเชื้อสูงกว่านี้อย่างรวดเร็วประมาณ 10 เท่า ก็อาจจะมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 5-10 เท่าเช่นกัน” นพ.จักรรัฐ กล่าว

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สำหรับการติดเชื้อค่าเฉลี่ย 14 วันที่ผ่านมา ถือว่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 70% จาก 2 สัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้น ต้องดูแลป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ และกลุ่มเสี่ยง 608 ต้องรับวัคซีนโดยด่วน เพื่อลดความเสี่ยงปอดอักเสบ นอกจากนี้ จึงยังต้องคงระดับการเตือนภัยโควิดระดับ 4 ต่อเนื่อง ขอให้ช่วยกันป้องกันตนเอง งดเข้าสถานที่เสี่ยงทั้งหมด เลี่ยงการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หนาแน่น ชะลอการเดินทาง โดยเฉพาะขนส่งสาธารณะที่หนาแน่นในทุกจังหวัดช่วงนี้

นพ.จักรรัฐ กล่าวว่า สถานการณ์การครองเตียง ผู้ป่วยอาการหนักและวิกฤต การครองเตียงยังไม่มาก ประมาณ 18-20% ส่วนอาการน้อยหรือไม่มีอาการมีการครองเตียงประมาณ 55.7% ดังนั้น กลุ่มนี้หากติดเชื้อไม่มีอาการขอให้อยู่ในระบบการดูแลที่บ้านหรือชุมชน (HI/CI) จะสะดวกมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์ติดเชื้อจะสูงขนาดไหน อาจจะคาดการณ์ยาก เพราะโอมิครอนส่วนใหญ่ติดเชื้อไม่มีอาการค่อนข้างมาก แต่ขณะนี้ถือว่าการติดเชื้อเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว ซึ่งตั้งแต่หลังตรุษจีนเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการค่อนข้างมาก หลายคนอาจหลงลืม ลดการสวมหน้ากาก เข้าสถานที่เสี่ยงมากขึ้น มีการเดินทางข้ามจังหวัด จึงทำให้มีการระบาดในหลายคลัสเตอร์ หลายสถานที่ หลายจังหวัด เพื่อให้สถานการณ์ไม่รุนแรงรวดเร็วเกินไป ต้องร่วมกันงดเข้าสถานที่เสี่ยง คือ สถานที่ปิดทึบ ไม่มีการระบายอากาศที่ดี รวมกลุ่มคนจำนวนมากหนาแน่น ระบายอากาศไม่ดีพอ ยืนเต้นใกล้ชิดกัน ถอดหน้ากากรับประทานร่วมกันเป็นเวลานาน และไม่มีการตรวจคัดกรอง ATK อย่าเอาตัวเข้าไปเป็นความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงชะลอการเดินทาง งดการรวมกลุ่ม เพื่อไม่ให้การเสียชีวิตพุ่งขึ้นเร็วจนเกินเส้นคาดการณ์สีเขียว จะทำให้ปลอดภัยกันมากขึ้น

“คาดว่า ถ้าเรายังผ่อนคลายมาก ตัวเลขอาจเพิ่มไปเรื่อยๆ ซึ่งเราจะดูแนวโน้มจากค่าเฉลี่ย 14 วัน และติดตามตัวเลขปอดอักเสบ ซึ่งปีที่แล้วสูงสุด 5,600 ราย มีการติดเชื้อ 2.3 หมื่นราย ซึ่งวันนี้ยอดติดเชื้อถึง 2.3 หมื่นรายแล้ว แต่ปอดอักเสบอยู่ที่ 900 คน แต่หากติดเชื้อยังสูงปอดอักเสบก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก จึงต้องช่วยกันไม่ให้ป่วยปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มมากจนเกินศักยภาพเตียงที่เรารองรับได้” นพ.จักรรัฐ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น