ปลัด สธ.ร่อนหนังสือถึงผู้บริหารระดับสูง ผอ.รพ.ทั่วประเทศ รับบริจาคได้ 3 กรณี เข้ากองทุนสวัสดิการ รพ. เข้า รพ. และ รพ.เปิดรับบริจาคตามโครงการเพื่อเรี่ยไร ต้องยึดตามระเบียบที่มี ห้ามหารายได้ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยา
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนามในหนังสือ ที่ สธ 0202/ว416 เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2563 เรื่อง การรับเงินบริจาคจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการของโรงพยาบาล ส่งถึงอธิบดีทุกกรม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปทุกแห่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า สธ.ได้พิจารณาระเบียบเกี่ยวกับการรับบริจาคเงินของ รพ.ในสังกัด สธ.แล้ว มีดังนี้
1. รพ.ในสังกัด สธ.สามารถรับบริจาคเงินเข้ากองทุนสวัสดิการของ รพ.ได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และระเบียบคณะกรรมการสวัสดิการ สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ส่วนราชการจัดตั้งกองทุนสำหรับเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาเรียกว่ากองทุนสวัสดิการของส่วนราชการหรือโรงพยาบาล
2. การรับบริจาคเงินของ รพ.ในสังกัด สธ. ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบํารุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้เงินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้แก่หน่วยบริการ โดยระบุวัตถุประสงค์หรือไม่ระบุวัตถุประสงค์ หรือระบุวัตถุประสงค์ไม่ชัดแจ้ง รวมถึงดอกผลของเงินดังกล่าวเป็นเงินบำรุงของหน่วยบริการ ซึ่งในการรับบริจาคจะต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบริจาคและทรัพย์สินบริจาคของหน่วยบริการ พ.ศ. 2561 จะต้องเป็นการบริจาคด้วยความสมัครใจ และไม่เป็นไปเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์หรือมีเงื่อนไขผูกพันที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใด ต้องคำนึงถึงประโยชน์และภาระที่เกิดขึ้นกับหน่วยบริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต และห้ามรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคระบุเงื่อนไขของการบริจาค อันเป็นภาระหรือข้อเรียกร้องแก่หน่วยบริการ
3. การรับเงินที่มีผู้นำมามอบให้กับโรงพยาบาลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดให้ส่วนราชการมีสิทธิ์เก็บเงินหรือทรัพย์สิน เรียกว่าการเรี่ยไร แต่ รพ.จะทำการเรี่ยไรได้ก็ต่อเมื่อจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบดังกล่าว โดยจะต้องจัดทำโครงการระบุวัตถุประสงค์ของการเรี่ยไรไว้ชัดเจนเสนอหัวหน้าหน่วยงานพิจารณาเห็นชอบให้มีการเรี่ยไรตามลำดับ และเมื่อคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาอนุมัติให้ทำการเรียบร้อยแล้วจึงจะดำเนินการเรี่ยไรได้ โดยโรงพยาบาลจะต้องทำหลักฐานการรับเงินหรือทรัพย์สิน ให้แก่ผู้บริจาคจะต้องจัดทำบัญชีการรับเงินและทรัพย์สินจะต้องรายงานการเงินและบัญชีการรับจ่ายเงินให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ภายใน 30 วัน นับแต่จัดทำบัญชีรับจ่ายเสร็จ ให้จัดให้มีเอกสารเกี่ยวกับการเรี่ยไร ประกาศเปิดเผยให้บุคคลทั่วไปทราบ ในการนำเงินที่ได้รับบริจาคไปก่อหนี้ จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของโครงการและจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการโดยเคร่งครัด
ดังนั้น ทั้ง 3 กรณีเป็นการรับบริจาคเงินของโรงพยาบาลที่ระเบียบกำหนดให้สามารถทำได้ กรณีที่ 1 เป็นการรับบริจาคเงินที่มีผู้บริจาคประสงค์จะบริจาคเข้ากองทุนสวัสดิการของโรงพยาบาล กรณีที่ 2 เป็นการรับบริจาคที่มีผู้บริจาคให้กับโรงพยาบาล กรณีที่ 3 เป็นการรับบริจาคตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ที่โรงพยาบาลดำเนินการจัดให้มีการเรี่ยไรขึ้น ซึ่งทั้ง 3 กรณีดังกล่าวมีระเบียบกำหนดขั้นตอนการดำเนินการไว้ชัดเจน โดยการดำเนินการจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จะต้องบริจาคด้วยความสมัครใจ ไม่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีภาระผูกพัน หรือข้อเรียกร้องใดแก่โรงพยาบาล
อีกทั้ง การดำเนินการจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย เมื่อมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ได้เห็นชอบมาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการเบิกจ่ายยาตามสิทธิ์สวัสดิการการรักษาพยาบาลของราชการตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และ สธ.ได้เสนอห้ามไม่ให้หน่วยงานที่ทำการจัดซื้อทำการหารายได้ในลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนทุกประเภทจากบริษัทยาเข้ากองทุนสวัสดิการสถานพยาบาล รวมถึงการให้เงินแก่ รพ.หรือเจ้าหน้าที่รัฐหรือกองทุนอื่นใด เพื่อมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนกับการจัดซื้อจัดจ้าง โรงพยาบาลจะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย จึงขอให้แจ้งหน่วยงานและโรงพยาบาลในสังกัด สธ.ทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป