รศ. นพ.สนทรรศ บุษราทิจ
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
การนอนเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิต เพราะการนอนนั้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต หากเรานอนหลับพักผ่อนได้ดี ร่างกายจะมีความสดชื่นแจ่มใส ไม่หงุดหงิดง่ายในทางกลับกันหากเกิดปัญหาในการนอนเช่น นอนไม่หลับนอนกรน หรือนอนหลับไม่สนิท ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอื่นๆตามมา
ความวิตกกังวลหรือความเครียดจากปัญหาเรื่องงาน สุขภาพ หรือครอบครัว ซี่งอาจก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้ แต่อาการนอนไม่หลับนี้จะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ เมื่อหมดเรื่องกังวลหรือปัญหาต่างๆคลี่คลายไปแล้ว อาการนอนไม่หลับก็จะหายไปและกลับมานอนหลับได้ดีตามเดิม อย่างไรก็ตามอาจมีกลุ่มคนบางส่วนที่ยังคงมีอาการนอนไม่หลับอยู่ แม้ว่าเรื่องกังวลต่างๆจะหมดไปแล้ว นั่นเป็นเพราะความกังวลต่างๆเหล่านั้นถูกเปลี่ยนมาเป็นความกังวลว่าจะนอนไม่หลับแทน
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสมเช่น การดื่มชากาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือ น้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนในชาและกาแฟจะไปกระตุ้นสมองทำให้ไม่รู้สึกง่วง
การออกกำลังกายก่อนนอนการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ แต่หากไม่เหมาะสม ไม่ถูกเวลาก็อาจเกิดผลเสียตามมาได้ ดังเช่นความเชื่อที่ว่า หากออกกำลังกายใกล้เวลานอนจะช่วยให้นอนหลับได้เร็วและนอนหลับสนิท แต่ในความเป็นจริงนั้น ขณะที่ออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีนซึ่งสารนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ดังนั้นหากเราออกกำลังกายใกล้เวลานอนเกินไป ก็จะทำให้นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิทเพราะสารอะดรีนาลีนในร่างกายยังคงอยู่ในระดับสูง
ห้องนอนควรมีไว้เพื่อนอนเท่านั้น การทำกิจกรรมอื่นในห้องนอนเป็นระยะเวลานานเช่น นั่งเล่นดูโทรทัศน์ ทำงานหรือแม้แต่นอนเล่น พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้สมองเกิดการรียนรู้ว่า ห้องนอนไม่ได้มีไว้สำหรับนอน เมื่อถึงเวลานอนจริงๆ จึงทำให้นอนหลับยากหรือหลับไม่สนิทปัญหาการนอนไม่หลับที่เกิดจากการใช้เวลาในห้องนอนมากเกินไปนี้ จะสังเกตได้จากอาการง่วงนอนตามปกติเมื่อถึงเวลานอน แต่เมื่อล้มตัวลงนอนกลับหายง่วงและนอนไม่หลับ ซึ่งจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาหากต้องการที่จะทำกิจกรรมอื่นๆควรทำในพื้นที่ที่กำหนดไว้เป็นสัดส่วน ซึ่งไม่ใช่ห้องนอน
นอกจากนี้ยังมีอาการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆที่ส่งผลกระทบต่อการนอน เช่น โรคเบาหวานและโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งทำให้ปัสสาวะบ่อยจึงเป็นสาเหตุให้นอนหลับได้อย่างไม่ต่อเนื่อง หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า ก็อาจมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วยได้เช่นกัน
การรักษาอาการนอนไม่หลับ
การรักษาอาการนอนไม่หลับ สามารถทำได้สองวิธี คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอน และการใช้ยาเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนในทางการแพทย์นั้นมักจะแนะนำให้ผู้ที่นอนไม่หลับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนก่อน ได้แก่ ลดชั่วโมงการนอนให้น้อยลง เช่น จากเดิมเข้านอนเวลาสามทุ่มลุกจากเตียงหกโมงเช้าเป็นประจำ ก็ปรับเวลาเข้านอนเป็นเที่ยงคืนและลุกขึ้นจากเตียงเวลาหกโมงเช้า เพื่อให้ใช้เวลานอนที่อยู่บนเตียงลดลง
อย่างไรก็ตามในการลดชั่วโมงการนอนให้น้อยลงนั้น มีข้อควรระวังคือ หากผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นผู้สูงวัย หรือเป็นผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวบางประเภท อาจเกิดอาการอ่อนเพลียค่อนข้างมากในระยะแรก ดังนั้นจึงไม่ควรลดชั่วโมงการนอนให้เหลือน้อยเกินไป การรักษาด้วยวิธีการนี้จะต้องใช้เวลาในระยะหนึ่งเพื่อให้ร่างกายเกิดการเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ในหลายๆครั้งอาจใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ จึงจะพบว่าอาการนอนไม่หลับนั้นค่อยๆดีขึ้นหากไม่ได้ผลจึงจะใช้ยาเพื่อบำบัดรักษาต่อไป
การรักษาด้วยยา เมื่อผู้ที่นอนไม่หลับและได้พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนให้เหมาะสมแล้ว แต่อาการนอนไม่หลับยังไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาให้เหมาะสมในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา แพทย์มักจะให้รับประทานยาในระยะเวลาสั้นๆภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด ยกเว้นบางกรณีที่อาจจำเป็นต้องรับประทานยาในระยะยาว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ตามแต่อาการ
*********************************
กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
#พิพิธภัณฑ์ศิริราชเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่เวลา 10.00-16.30 น. (หยุดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์)เข้าชมราคาพิเศษระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม -30 กันยายน 2563 (ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 25 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท)และตั๋วเดียวเที่ยวทั่วพิพิธภัณฑ์ศิริราช(พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช พิพิธภัณฑ์กายวิภาค-คองดอน พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน)สอบถามเพิ่มเติม โทร. 024192617 หรือเฟซบุ๊ก Siriraj Museum – พิพิธภัณฑ์ศิริราช