อดีตรองปลัด สธ.ตั้งคำถาม “หมอเกรียงศักดิ์” ถอนตัวรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ผิดระเบียบหรือไม่ ระบุอาจต้องยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่ง ชี้แม้ช่วยถอนฟืนออกจากไฟ แต่ยังต้องเคลียร์อีก 2 เรื่อง ปมข้อกล่าวหาและย้าย “หมอชาญชัย” เป็นธรรมหรือไม่ พ่วง 186 รพ.รับเงิน 5% บริษัทยา
จากกรณี นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี แถลงถอนตัวจากการเป็นรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น แทน นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และถูกย้ายมายังกองบริหารการสาธารณสุข หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแต่งตั้งที่ไม่มีธรรมาภิบาล
วันนี้ (16 มิ.ย.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อดีตอธิบดีกรมอนามัย และอดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ โดยตั้งคำถามว่าการแถลงข่าวถอนตัวการเป็นรักษาการ ผอ.รพ.สามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจาก ระดับ ผอ.รพ.เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของปลัด สธ. จึงต้องถามว่าการถอนตัวเป็นหน้าที่หรือไม่ เป็นสิทธิหรือไม่ เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ และเป็นการทำตามคำสั่งหรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
นพ.วชิระกล่าวว่า การที่ นพ.เกรียงศักดิ์ถอนตัวรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ถือเป็นการถอนฟืนออกจากไฟระดับหนึ่ง แต่ตามระเบียบข้อกฎหมายแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถแถลงข่าวถอนตัวได้หรือไม่ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ระบุถึงกรณีถอนตัว มาตราที่เกี่ยวข้องอยู่ในหมวด 6 วินัย มาตรา 82 (4) มาตรา 84 มาตรา 85 กำหนดบทบาท คือ 1. ผู้บังคับบัญชา มีอำนาจสั่งการ และ 2. ผู้ใต้บังคับบัญชา มีหน้าที่ปฏิบัติตาม ถ้าไม่ปฏิบัติตามมีความผิดวินัย ตั้งแต่ไม่ร้ายแรงจนถึงร้ายแรงขึ้นกับความเสียหายในการปฏิบัติราชการว่า รุนแรงหรือไม่เพียงใดในการไม่ปฏิบัติตาม
“ดังนั้น จึงอยากตั้งคำถามว่า กรณีแถลงข่าวถอนตัวจากคำสั่งให้ไปรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่น ของผู้บังคับบัญชาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ การแถลงข่าวถอนตัวเคยมีใน สธ.หรือไม่ หรืออาจเป็นวิถีใหม่ (New normal) เป็นการทำตามคำสั่งหรือขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชากันแน่ เพราะถ้าตามระเบียบสิ่งที่ทำได้ คือ นพ.เกรียงศักดิ์ ต้องทำหนังสืออุทธรณ์คำสั่งแต่งตั้งมาถึงปลัด สธ.เพื่อพิจารณา ก่อนออกคำสั่งส่งตัวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป” นพ.วชิระกล่าว
นพ.วชิระกล่าวว่า แม้เรื่องรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่นคลี่คลาย แต่มีอีก 2 ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ 1. นพ.ชาญชัย ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ ซึ่งต้องดู 2 เรื่องตามที่ระบุในหนังสือย้าย คือ ข่มขู่พยานจริงหรือไม่ หากไม่ใช่จะคืนความเป็นธรรมอย่างไร และข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ถือเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก ดังนั้น คณะกรรมการสอบสวนวินัยที่มี นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 11 ต้องสอบให้กระจ่างทั้ง 2 ประเด็น นี่คือฟืนท่อนที่ 2 หากเคลียร์ด้วยความเป็นธรรมเรื่องปัญหาก็น่าจะจบ และ 2. การสอบข้อเท็จจริง รพ.สังกัด สธ.186 แห่ง รับเงินจากบริษัทยา 5% ที่มี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งเป็นเรื่องนอก รพ.ขอนแก่น หากทำอย่างถูกต้องโปร่งใส เป็นธรรมตรวจสอบได้ก็จะสงบ
“ในหนังสือเวียนของกระทรวงที่ออกมาเมื่อ ก.พ. 2563 มีการอ้างการศึกษาของนายมนู สว่างแจ้ง นักวิชาการอิสระ และมีตัวเลข 186 รพ.อยู่ด้วย ถ้าบอกว่า ศึกษามา 2-3 เดือน ถ้าศึกษามาดี ถูกต้อง ท่านปลัดก็น่าจะรับรู้ และรองปลัดคนที่ลงนามในหนังสือนั้นก็น่าจะรับรู้ แต่ในจำนวน 186 แห่งนั้นจะมี รพ.ขอนแก่น และ รพ.ชุมแพด้วยหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ถ้ามีจริงๆ แล้วทำไมถึงเลือกที่จะดำเนินการเอาผิดเฉพาะ รพ.ขอนแก่นเท่านั้น เรื่องพวกนี้ก็ยังเป็นคำถามอยู่” นพ.วชิระกล่าว
