xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวดีเตรียมรับเฟส 4 ไทยไม่มีผู้ป่วย “โควิด” เพิ่ม ย้ำยังต้องสวมหน้ากาก แม้อยู่ห่างเกิน 2 เมตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวดีเตรียมต้อนรับเฟส 4 ผู้ป่วยโควิดรายใหม่เป็น 0 ไม่เจอทั้งติดเชื้อในประเทศและกลับจากต่างประเทศ เผย 2 สัปดาห์เป็นผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐทั้งหมด 100% ภาพรวมกลับมาจากคูเวตป่วยมากสุด 28 ราย ระบุ ผลวิจัยอังกฤษสวมหน้ากากช่วยลดการกระจายเชื้อลงครึ่งหนึ่ง ย้ำ อยู่ห่างเกิน 2 เมตร ก็ควรสวมหน้ากาก ไม่ควรสวมเฟซชิลด์อย่างเดียว

วันนี้ (11 มิ.ย.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า วันนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือเป็น 0 ราย อย่างไรก็ตาม ขอให้เก็บความสุขนี้ไว้ในใจ ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ สวมหน้ากาก ล้างมือ และรักษาระยะห่าง สำหรับภาพรวมสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศ รวม 3,125 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย จากสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) 188 ราย ส่วนอีกข่าวดี คือ มีผู้รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ทำให้กลับบ้านรวมแล้ว 2,987 ราย ยังรักษาใน รพ. 80 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย


“ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยกลับมาจากต่างประเทศ 100% โดยประเทศต้นทางพบว่า ประเทศที่มีคนเดินทางกลับมาแล้วป่วยมากที่สุด คือ คูเวต 28 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 10 ราย ซาอุดีอาระเบีย 7 ราย อินเดีย 3 ราย และ ปากีสถาน 3 ราย” พญ.พรรณประภา กล่าว

พญ.พรรณประภา กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีผู้ป่วยรวมมากกว่า 7.45 ล้านราย รายใหม่เพิ่มขึ้น 1.34 แสนราย มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5.2 พันคน เสียชีวิตรวมมากกว่า 4.18 แสนราย โดยบราซิลมีผู้ป่วยรายใหม่มากที่สุด 3.3 หมื่นราย ตามด้วยสหรัฐอเมริกา 2 หมื่นราย และอินเดีย 1.1 หมื่นราย เสียชีวิตมากที่สุด คือ บราซิล 1,300 ราย ตามด้วย สหรัฐ 982 ราย และเม็กซิโก 708 ราย ประเทศไทย ยังคงอยู่อันดับ 85 ของโลก

พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ประเทศไทยเน้นย้ำมาตลอดเรื่องการสวมหน้ากาก ซึ่งขณะนี้มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และมหาวิทยาลัยกรีนิช ระบุว่า การล็อกดาวน์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถยับยั้งการระบาดของโควิด-19 แต่หากประชาชนร่วมมือกันสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ก็จะสามารถลดการแพร่เชื้อลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่า ค่า R (Reproduction number) หรือความสามารถในการแพร่กระจายของเชื้อ พบว่า ถ้าสวมหน้ากากอนามัย ความสามารถการแพร่กระจายของเชื้อจะลดลงครึ่งหนึ่ง สอดคล้องกับประกาศองค์การอนามัยโลกที่ให้สวมหน้ากากเมื่อออกพื้นที่สาธารณะ

พญ.พรรณประภา กล่าวว่า การสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย จะช่วยปิดทั้งจมูกและปาก ป้องกันละอองจากการไอจาม คือน้ำมูกน้ำลายเสมหะ ไม่ให้กระจายออกไป ซึ่งตรงนี้เป็นช่องทางหลักการแพร่กระจายของเชื้อโรค แต่การสวมเฟซชิลด์ จะบังแค่บริเวณตา แต่จมูกปากยังแพร่กระจายออกไปได้ ถ้าไอหรือจามเชื้อโรคยังแพร่ออกไปได้ การสวมเฟซชิลด์อย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย แต่อาจจะสวมร่วมกันได้ โดยมีหน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย เป็นหลัก และสวมเฟซชิลด์เพิ่มขึ้นไป ซึ่งแนะนำในคนที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก สัมผัสใกล้ชิดผู้คนเป็นเวลานาน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ แต่ถ้าจะสวมอย่างเดียวต้องเป็นหน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย

“ถ้าเว้นระยะห่างระหว่างกันไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยได้หรือไม่ สวมแต่เฟซชิลด์ได้หรือไม่ คำตอบคือหลักการแพร่กระจายของเชื้อ จะสามารถแพร่ได้ 3-6 ฟุต หรือประมาณ 2 เมตร ตามหลักการถ้าเราอยู่ห่างกันเกิน 2 เมตร โอกาสที่จะรับเชื้อก็จะลดลงหรือความเสี่ยงต่ำ แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อผู้อื่น หรือรับเชื้อมาได้ ก็ควรจะสวมหน้ากากอนามัยแม้จะไปที่สาธารณะ” พญ.พรรณประภา กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น