xs
xsm
sm
md
lg

ผ่อนคลาย95% เลิกเคอร์ฟิวแน่-ชง ศบค.วันนี้ ไร้ป่วยใหม่รับเฟส4

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ข่าวดีเตรียมต้อนรับปลดล็กเฟส 4 ผู้ป่วยโควิดรายใหม่เป็น 0 ไม่เจอทั้งติดเชื้อในประเทศและกลับจากต่างประเทศ ย้ำเว้นระยะห่างเกิน 2 เมตร ก็ควรสวมหน้ากาก ไม่ควรสวมเฟซชิลด์อย่างเดียว เผย “บิ๊กตู่” เห็นชอบตามข้อเสนอ สมช.ยกเลิกเคอร์ฟิว

วานนี้ (11 มิ.ย.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันระบุว่า วันนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ หรือเป็น 0 ราย อย่างไรก็ตาม ขอให้เก็บความสุขนี้ไว้ในใจ ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ สวมหน้ากาก ล้างมือ และรักษาระยะห่าง สำหรับภาพรวมสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศ รวม 3,125 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย จากสถานกักกันของรัฐ (State Quarantine) 188 ราย และมีผู้รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ทำให้กลับบ้านรวมแล้ว 2,987 ราย ยังรักษาใน รพ. 80 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย

“ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยกลับมาจากต่างประเทศ 100% โดยประเทศต้นทางพบว่า ประเทศที่มีคนเดินทางกลับมาแล้วป่วยมากที่สุด คือ คูเวต 28 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 10 ราย ซาอุดีอาระเบีย 7 ราย อินเดีย 3 ราย และ ปากีสถาน 3 ราย ส่วนการติดเชื้อภายในประเทศเป็น 0 ติดต่อกันเป็นวันที่ 18” พญ.พรรณประภา กล่าว

พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ประเทศไทยเน้นย้ำมาตลอดเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกพื้นที่สาธารณะ ขณะที่การสวมเฟซชิลด์อย่างเดียว จะบังแค่บริเวณตา แต่จมูกปากยังแพร่กระจายออกไปได้ จึงต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย แต่อาจจะสวมร่วมกันได้ โดยมีหน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย เป็นหลัก และสวมเฟซชิลด์เพิ่มขึ้นไป ทั้งนี้การแพร่กระจายของเชื้อ จะสามารถแพร่ได้ 3-6 ฟุต หรือประมาณ 2 เมตร ตามหลักการถ้าเราอยู่ห่างกันเกิน 2 เมตร โอกาสที่จะรับเชื้อก็จะลดลงหรือความเสี่ยงต่ำ แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อผู้อื่น หรือรับเชื้อมาได้ ก็ควรจะสวมหน้ากากอนามัยด้วย

อีกด้าน พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช. ) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 เปิดเผยว่า ได้เข้าพบและนำเสนอข้อสรุปแนวทางการผ่อนปรนในระยะที่ 4 ในกลุ่มกิจการธุรกิจสีแดง พร้อมกับการเสนอการยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถาน หรือเคอร์ฟิว ซึ่งเป็นผลจากการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดเล็ก ก่อนนำข้อสรุปเสนอเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 12 มิ.ย.ก่อนเริ่มผ่อนปรนมาตรการในวันที่ 15 มิ.ย.นี้

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในการรายงานแนวทางการผ่อนคลายระยะที่ 4 ต่อที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ที่ได้ใคร่ควรมาดีแล้วให้ผ่อนคลายเกือบหมด 95 % โดยนายกฯ ระบุว่า ที่ผ่านมาหลังจากผ่อนคลายมาตรการเป็นระยะ ประชาชนให้ความร่วมมือดี จึงเป็นที่มาว่าจะผ่อนคลายให้มากที่สุดแต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ซึ่งครั้งนี้จะผ่อนคลายเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สำหรับการประกาศเคอร์ฟิวนั้น จะมีข่าวดีขอให้รอฟังในวันที่ 12 มิ.ย.

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เห็นชอบตามแนวทางการผ่อนปรนในระยะที่ 4 โดยจะให้ยกเลิกการประกาศใช้เคอร์ฟิว โดยให้มีผลในวันที่ 15 มิ.ย.2563 เพราะต้องการลดผลกระทบต่อประชาชนและเห็นว่าที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดได้

ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณในที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ช่วงเช้าว่าเตรียมไม่ต่อการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 มิ.ย.นั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ในที่ประชุมไม่มีการหยิบยกเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินขึ้นมาหารือแต่อย่างใด เพราะยังเร็วเกินไป ยังมีเวลาถึงปลายเดือน มิ.ย. แม้แต่กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้ ช่วงใกล้สิ้นเดือน มิ.ย.ถึงจะหยิบขึ้นมาพิจารณา แต่การยกเลิกเคอร์ฟิวมีโอกาสสูง


กำลังโหลดความคิดเห็น