ผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น 2 ราย กลับจากต่างประเทศ รวมแล้วเจอผู้ป่วยสถานกักกันของรัฐ 184 ราย ผู้ป่วยสะสม 3,121 ราย ไม่เจอติดเชื้อในประเทศนาน 15 วัน แต่การ์ดห้ามตก เหตุส่วนใหญ่คนติดเชื้อไม่มีอาการ ต้องรอนาน 28 วันถึงเสี่ยงแพร่ระบาดใหม่ต่ำ แนะบริษัทต่างๆ เหลื่อมเวลาพักเที่ยง ลดแออัดร้านอาหาร
วันนี้ (9 มิ.ย.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวันว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 2 ราย กลับบ้านเพิ่ม 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,121 ราย กลับบ้านรวม 2,973 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และยังรักษาตัวใน รพ. 90 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ และเข้าสู่สถานกักกันของรัฐจัดให้ (State Quarantine) โดยถือว่าการติดเชื้อในประเทศเป็น 0 รายต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 แล้ว โดยผู้ป่วยมาจาก
1. ซาอุดีอาระเบีย เป็นเพศชายอายุ 22 ปี อาชีพนักศึกษา เข้ามาวันที่ 25 พ.ค. มีอาการไข้ ตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 7 มิ.ย. พบเชื้อ เข้ารับการรักษา รพ.ยะรัง จ.ปัตตานี
2. เนเธอร์แลนด์ เป็นเพศหญิงอายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ถึงไทยวันที่ 3 มิ.ย. เข้าพักในโรงแรมใน กทม. ตรวจวันที่ 3 มิ.ย. ผลบวกไม่ชัดเจน จึงให้เข้ารับการรักษา รพ.นพรัตนราชธานี กทม. และส่งตรวจซ้ำวันที่ 8 มิ.ย. จึงพบเชื้อ
พญ.พรรณประภากล่าวว่า ตั้งแต่ ก.พ. - 9 มิ.ย. พบผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐรวม 184 ราย อัตราป่วยตามประเทศต้นทาง ประเทศที่พบมากที่สุด คือ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และอินโดนีเซีย ส่วนที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยนาน 15 วัน ถือว่าปลอดเชื้อหรือยัง ขอตอบในทางหลักการระบาดวิทยาว่า ปกติจะใช้ 2 เท่าของระยะเวลาฟักตัวที่ยาวที่สุดของโรค จึงปลอดภัย โดยโควิด-19 ระยะเวลาฟักตัวอยู่ที่ 14 วัน ดังนั้น 2 เท่า คือ 28 วัน หากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ไปแล้ว 28 วัน จึงถือว่าเป็นการเสี่ยงต่ำที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อซ้ำใหม่ อย่างไรก็ตาม หลายประเทศมีการระบาดระลอกใหม่เป็นระลอกที่ 2 เป็นการะบาดแบบกลุ่มและส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อย่างผู้ป่วยในสถานกักกันของรัฐส่วนใหญ่ก็ไม่มีอาการเช่นกัน ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อ ต้องสวมหน้ากากอนามย ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่างทางสังคม
พญ.พรรณประภากล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลก มีเกือบ 7.2 ล้านราย เพิ่มขึ้น 1 แสนราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,502 ราย รวมกว่า 4.08 แสนราย ประเทศไทยอันดับตกลงมาจาก 81 มาอันดับ 83 ส่วนประเด็นที่น่าสนใจของต่างประเทศ คือ นิวซีแลนด์ ซึ่งมีมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดสุดในโลก ไม่ให้คนออกจากบ้าน ให้ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น ตอนนี้ประกาศยุติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังไม่มีผู้ติดเชื้อ และผู้ติดเชื้อคนสุดท้ายรักษาหายแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 วัน
พญ.พรรณประภากล่าวว่า ที่ผ่านมามีการทำงานที่บ้าน แต่หลังผ่อนคลาย 3 ระยะ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ก็เริ่มให้กลับมาทำงานบริษัทมากขึ้น ที่จะเจอปัญหาคือ การรับประทานอาหารกลางวันที่อาจมีความแออัด จึงขอให้สวมหน้ากากอนามัย พกแอลกอฮอล์เจลติดไปด้วย เว้นระยะห่างทางสังคม แต่อาจทำได้ยาก จากการที่คนไปทำงานมากขึ้น ศูนย์อาหารคนก็มากขึ้น ดังนั้น หากเห็นคนเยอะแล้ว อาจซื้อแล้วกลับมาทานที่ทำงาน หรือพกมาทานเองจากที่บ้าน ผู้ประกอบการอาจปรับระยะเวลาในการลงมารับประทาน เป็นเหลื่อมเวลา เช่น 11 โมง 11 โมงครึ่ง เที่ยงครึ่ง และบ่ายโมง ซึ่งร้านก็ยังเปิดอยู่ ก็จะช่วยลดความหนาแน่นได้