พบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 3 ราย กลับจากอียิปต์-อินเดีย 2 ราย อีกรายเป็นคนอิตาลีติดเชื้อในชุมชน ยอดสะสมรวม 3,040 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม กลับบ้านรวม 2,916 ราย เผย 2 สัปดาห์ติดเชื้อจากคนกลับจากนอกสูงสุด
วันนี้ (23 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้ยังมีตัวเลขผู้ป่วย ส่วนสำคัญคือ ยังมีจากที่เรียกว่าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 2 ราย ทั้งนี้ มีกลุ่มบุคคลไม่ทราบจากส่วนงานไหน บอกว่า เข้าไปเรียกรับเงินเพื่อเสนอตัวให้เป็นโรงแรมให้เป็นสถานที่กักตัวคนไทยกลับจากต่างแดน หรือหักหัวคิว ขอชี้แจงว่า ศบค.โดยศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคง (ศปม.) ยืนยันว่า ไม่เคยมีหน่วยงานออกไปทำหน้าที่ต่างๆ ในการมีส่วนต่าง โรงแรมที่เข้ามาขอขอบคุณที่เข้ามาดูแลคนไทย จะไม่มีการเอารัดเอาเปรียบใดๆ โรงแรมใดรับทราบเห็นพฤติกรรมจากกลุ่มดังกล่าว แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 1 เดือน การตอบสนองกลับส่วนใหญ่ก็เข้าใจและรู้ถึงสถานการณ์ที่ต้องต่อเนื่องออกไป รายละเอียดเรื่องกฎหมายก็สำคัญระดับหนึ่ง แต่สำคัญคือ ความร่วมมือของประชาชนที่จะทำให้เกิดการยับยั้งควบคุมโรคที่มีความสำคัญ
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 3 ราย กลับบ้านเพิ่ม 6 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสมรวม 3,040 ราย หายกลับบ้านรวม 2,916 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย ยังรักษาตัวใน รพ. 68 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ แบ่งเป็น 1. คนไทยกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกันของรัฐ 2 ราย ได้แก่ ชายไทยอายุ 24 ปี เป็นนักศึกษากลับจากอียิปต์ วันที่ 8 พ.ค. เข้าสถานกักกันตัวของรัฐ จ.ชลบุรี โดยวันที่ 9 พ.ค. มีไข้ ไอ ท้องเสีย เข้ารับตรวจเชื้อ แต่ไม่พบเชื้อ ต่อมาตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 และพบวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา อีกราย คือ ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 43 ปี เป็นพนักงานสปา กลับจากอินเดีย วันที่ 17 พ.ค. อยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐ จ.ชลบุรี โดยวันที่ 19 พ.ค. มีไข้ไอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ไม่ได้กลิ่น เข้ารับตรวจหาเชื้อ เจอวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา และ 2. ไปสถานที่ชุมชน 1 ราย โดยเป็นผู้ป่วยชายชาวอิตาลี อายุ 49 ปี จ.ภูเก็ต เข้ารับการตรวจหาเชื้อวันที่ 22 พ.ค. แต่ไม่มีอาการ
“หลังจากประกาศเคอร์ฟิว มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 1-2 จำนวนติดเชื้อรายใหม่ยังเป็นหลักเดียว แต่ขอความร่วมมือให้ความร่วมมือป้องกันติดเชื้อ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ เพื่อก้าวสู่การผ่อนคลายระยะ 3 และ 4 ต่อไป” พญ.พรรณประภากล่าวและว่า สำหรับสถานการณ์ติดเชื้อในสถานกักกันของรัฐ ตั้งแต่ ก.พ.- 23 พ.ค. พบผู้ป่วย 104 ราย ชายมากกว่าหญิง อัตราป่วยผู้เข้ากักกัน 0.43% ประเทศต้นทางที่มีผู้ป่วยติดเชื้อมากที่สุด คือ อินโดนีเซีย ปากีสถาน คาซัคสถาน
สำหรับผู้ป่วยตามปัจจัยเสี่ยง 2 สัปดาห์ อันดับ 1 คือ เดินทางจากต่างประเทศอยู่ในสถานกักกัน 17 ราย สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย 10 ราย สถานที่ชุมชน 5 ราย อาชีพเสี่ยง 3 ราย และการค้นเชิงรุก 1 ราย