ศบค.เผย มีผู้ป่วยโควิดใหม่เพิ่มรายเดียว กลับบ้านเพิ่ม 31 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ผู้ป่วยรายใหม่เป็นเชฟร้านอาหารไทย กลับจากบาห์เรน อยู่ในสถานกักกันของรัฐ แต่ไม่มีอาการ ขณะที่ยอดป่วยสะสม 3,034 ราย หายรวม 2,888 ราย เสียชีวิตรวม 56 ราย ยังรักษาใน รพ. 90 ราย ต่ำกว่าร้อยแล้ว ไทยแชมป์ใส่หน้ากาก-ล้างมือมากสุดในอาเซียน
วันนี้ (20 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม หายกลับบ้าน 31 ราย โดยผู้ป่วยสะสมรวมเป็น 3,034 ราย กลับบ้านรวม 2,888 ราย เสียชีวิตรวม 56 รายเท่าเดิม ยังรักษาใน รพ. 90 ราย ถือว่าต่ำกว่าร้อยแล้ว โดยผู้ป่วยรายใหม่เป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและกักตัวอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. โดยเป็นผู้ชายอายุ 45 ปี เป็นเชฟร้านอาหารไทย เดินทางกลับมาจากประเทศบาห์เรน ถึงไทยวันที่ 15 พ.ค. 2563 ตรวจหาเชื้อวันที่ 18 พ.ค. 2563 แต่ผู้ป่วยไม่มีอาการ แต่เกิดจากการตรวจสอบการติดเชื้อเป็นระยะของผู้ที่เดินทางกลับมาตามปกติ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คนเดินทางมาจากบาห์เรน 238 คน มีการติดเชื้อ 2 ราย ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย แต่ 5 ประเทศที่กลับมาแล้วมีผู้ป่วยสูงสุด คือ อินโดนีเซีย ปากีสถาน คาซัคสถาน มาเลเซีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาเชื้อโควิดพบว่า ตรวจแล้ว 328,073 ตัวอย่าง โดยมี 167 แห่งทั่วประเทศ ที่สามารถตรวจได้ เมื่อคำนวณอัตราในการตรวจ ไทยตรวจอยู่ที่ 4,926 รายต่อ 1 ล้านประชากร ถือว่าสูงกว่าเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น อินเดีย แต่ประเทศที่มีการอัตราการตรวจมาก คือ อิตาลี สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดจำนวนการตรวจพบ 0.92% หรือเกือบ 1 คน ส่วนอิตาลีเจอ 7.63% ซึ่งตัวเลขน้อยดีกว่าเยอะ แปลว่า เรากวาดกลุ่มคนที่ไม่มีโอกาสติดเชื้อเข้ามาได้มากกว่า คือ ให้มีกลุ่มตรวจสอบได้กว้างๆ อย่างไรก็ตาม ยังต้องตรวจให้เพิ่มมากกว่านี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ศูนย์วัคซีน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประสบความสำเร็จในการทดลองในหนูแล้ว สัปดาห์นี้เตรียมทดสอบกับลิง คาดว่าจะได้ใช้ในปีหน้า นอกจากนี้ คนไทยเป็นแชมป์ใส่หน้ากากและล้างมือในอาเซียน ซึ่งข้อมูลนี้มาจากการสำรวจของบริษัท YouGov ประเทศอังกฤษ ที่สำรวจพฤติกรรมการป้องกันโควิด-19 ใน 6 ประเทศ คือ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ ไทย จำนวน 12,999 ราย โดยคนไทย 95% บอกว่าใส่หน้ากากอนามัยในรอบ 7 วัน ล้างมือ 89% ถือว่าสูงสุดในอาเซียน