xs
xsm
sm
md
lg

ศบค.เห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน ยังคงเคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4 เร่งถกมาตรการผ่อนปรนเสนอ ครม.พรุ่งนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค.เผยผลประชุมเห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน ยังต้องคง 4 มาตรการหลัก ควบคุมเข้าออกประเทศ เคอร์ฟิว 4 ทุ่มถึงตี 4 งด/ชะลอเดินทางข้ามจังหวัด งดกิจกรรมคนหมู่มาก มาตรการผ่อนปรนต้องคิดถึงปัจจัยสาธารณสุขก่อน ยังต้องทำงานที่บ้าน 50% เร่งประชุมรายละเอียดการผ่อนปรนก่อนเสนอ ครม.28 เม.ย.

วันนี้ (27 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ประเมินผลการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกฯ เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และทันท่วงที เป็นผลให้ผู้ติดเชื้อโควิดรายวันภายในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การสำรวจความคิดเห็นประชาชนกว่า 4 หมื่นคน พบว่ากว่าร้อยละ 70 เห็นด้วยกับประกาศฉุกเฉินของรัฐบาล จึงมีมติในที่ประชุมเห็นควรพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค. 2563

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่ต้องคงไว้ มี 4 มาตรการ คือ 1. การควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร เป็นตัวแปรสำคัญเป็นคามเสี่ยง เราคุมตรงนี้ได้ดี ประตูต่างๆ รอบชายแดน ด่านากาศ เราคุมได้อย่างดี ทำให้การแพร่กระจายเชื้อจากการนำเข้าน้อยลง ต้องควบคุมต่อ 1-1 พ.ค. 2. การห้ามออนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) คงต่อตั้งแต่ 22.00-04.00 น. 3.งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด ซึ่งทำให้การเคลื่อนย้ายคนหรือเชื้อโรคที่อยู่ในตัวคน เมื่อลดการเดินทางที่ไม่มีเหตุจำเป็น ทำให้การส่งต่อเชื้อโรคข้ามจังหวัดลดลง และ 4. งดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก การประชุม อบรม สัมมนา ชุมนุมใหญ่ ในที่โล่งแจ้งหรือพื้นที่จัดพิเศษ ถ้ามีคนจำนวนมากต้องให้งดเป็นการชั่วคราว

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า แนวทางที่ต้องทำต่อไป คือ แนวทางการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ โดยมีหลักคิด คือ 1. คำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลักและนำปัจจัยอื่นมาประกอบการพิจารณา 2. ยังคงเรื่องร้อยละ 50 การทำงานที่บ้าน ยังต้องมีต่อ ส่วนวิธีการดำเนินการ คือ พิจารณาจากประเภทของกิจกรรมที่จำเป็นก่อนในการดำรงชีวิตเป็นลำดับแรกๆ ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา กำกับให้กิจกรรมนั้นประกอบด้วย 1.เว้นระยะห่างทางสังคม 2.การวัดอุณภูมิในสถานที่จะต้องเข้ามา 3. แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ/เจลล้างมือ 4. จำกัดจำนวนคนในการทำกิจกรรมที่เหมาะสมสถานที่ และ 5. มีแอปพลิเคชันติดตามตัว นายกฯ ให้ไปศึกษาและนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการติดตามคนได้ และดูเรื่องของสิทธิมนุษยชนกับความปลอดภัยของสาธารณชนด้วย ต้องจัดสมดุลให้ดี

“สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป คือ เร่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และมีการใช้เทคโนโลยีติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่การประเมินผลนั้นกำหนดให้ประเมินรอบทุก 15 วัน หากควบคุมได้ดีขึ้น สามารถผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมหรือขยายพื้นที่ แต่หากไม่ดีขึ้นจะระงับมาตรการผ่อนคลายทันที” นพ.ทวีศิลป์กล่าว และว่า และยังมีการเสนอแนวทางการผ่อนปรนภายหลังการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการนำภาพการขยายการผ่อนปรนในมาตรกรในธุรกิจต่างๆ พูดง่ายๆ แบ่งธุรกิจ 4 อย่าง คือ สีขาว เขียว เหลือง และแดง โดยสีขาวมีความจำเป็นในชีวิตประจำวันสามารถเปิดให้บริการได้ สถานประกอบการขนาดเล็ก อยู่ในที่โล่งแจ้ง สวนสาธารณะ เป็นต้น, สีเขียว เช่น สถานประกอบการขนาดเล็ก มีการติดแอร์ มีมาตรการควบคุม พื้นที่ไม่มาก สนามออกกำลังกายกลางแจ้ง, สีเหลือง อาจเป็นพื้นที่ปิด มีคนจำนวนมากๆ ติดแอร์ และสีแดง เสี่ยงสูง คงไม่อยากให้เปิด เช่น สนามมวย คนแออัดจำนวนมาก หรือแหล่งบันเทิงบางอย่าง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า นายกฯ เห็นชอบในหลักการแต่ต้องลงในรายละเอียด โดยเลือกกิจการมาเปิดได้ทั้งหมดทั่วประเทศ ไม่ใช่เปิดบางพื้นที่ เช่น กทม.เปิดไม่ได้ แต่เปิดได้ในสุพรรณบุรี คนกรุงเทพฯ อาจขับรถไปกิจการนั้นๆ ที่สุพรรณบุรี จึงไม่ได้จัดการเรื่องเคลื่อนย้ายคน ก็ต้องเปิดกิจการนั้นๆ เปิดเหมือนกันทุกจังหวัด และมอบให้สภาพัฒน์และคณะที่ปรึกษาไปพูดคุยลงในรายละเอียเในช่วงบ่าย เพื่อเสนอ ครม.วันที่ 28 เม.ย.


กำลังโหลดความคิดเห็น