ผู้จัดการรายวัน360-ศบค.เห็นชอบต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ถึง 31 พ.ค.63 ตามที่ฝ่ายความมั่นคงและสาธารณสุขเสนอ พร้อมชงเลื่อนวันหยุดเดือนพ.ค.ทั้งหมดออกไปก่อน ลุ้น ครม. เคาะคลายล็อกเปิดดำเนินธุรกิจวันนี้ แย้มห้าง ตลาดนัด ร้านอาหาร ตัดผมมีโอกาสสูง เผยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่ำ 10 เป็นครั้งแรก พบแค่ 9 ราย กรุงเทพฯ ไม่มีรายงานป่วยเพิ่ม คณบดีศิริราชย้ำผ่อนคลายได้ แต่ยังต้องเข้มโรงแรม มหาวิทยาลัย บาร์ กีฬา ประชุม ธุรกิจเหล้า-เบียร์ร้องขอเดลิเวอรี่เหมือนอาหาร คลังเตรียมโอนเงินเยียวยาอีก 2.6 ล้านราย รวมจ่าย 7.5 ล้านราย ยอด 3.8 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า วานนี้ (27 เม.ย.) ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้พิจารณาการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ต่อไปอีก 1 เดือน หลังจากที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 เม.ย.2563 โดยจะขยายไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.2563 ซึ่งเป็นไปตามที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานด้านสาธารณสุขมีความเห็นตรงกัน และยังมีผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า 70% ขึ้นไป เห็นด้วยให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว
ทั้งนี้ การต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะยังคง 4 มาตรการไว้เหมือนเดิม คือ 1.ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร 1-31 พ.ค.2563 2.ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน 3.งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และ4.งดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก
ลุ้นครม.คลายล็อกเปิดธุรกิจวันนี้
น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงภายหลังการประชุมว่า กรณีมีการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดียระบุว่าวันที่ 4 พ.ค.2563 จะมีการเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม ร้านเสริมสวยว่า ในที่ประชุม ศบค. ยังไม่ได้ลงรายละเอียดกิจการ ยืนยันว่ายังไม่มีมติให้เปิด มีเพียงแค่การนำเสนอโดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่ยังไม่ลงรายละเอียดกิจกรรม แต่มีการลงรายละเอียดโดยใช้ชุดข้อมูล ดูผลกระทบที่จะตามมา แต่ยังไม่กำหนดว่ามีกิจการใดจะได้เปิดวันที่ 4 พ.ค.นี้
สำหรับธุรกิจที่มีการเสนอให้ผ่อนปรนมีหลัก ได้แก่ 1.สีขาว เช่น สถานที่โล่งแจ้ง ร้านเล็ก สวนสาธารณะ 2.สีเขียว เช่น สถานที่ประกอบการขนาดเล็กติดแอร์ พื้นที่ไม่มาก สนามออกกำลังกายกลางแจ้ง 3.สีเหลือง เช่น พื้นที่ปิด คนจำนวนมาก และ 4.สีแดง เช่น สนามมวย สถานบันเทิง ซึ่งนายกฯ เห็นชอบโดยหลักการ แต่อยากให้เลือกกิจการที่สามารถเปิดได้ทั้งประเทศ โดยให้ สศช. ดูในรายละเอียด และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ (28 เม.ย.)
ห้าง-ตลาด-ตัดผม มีโอกาสได้เปิด
รายงานข่าวแจ้งว่า ธุรกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับการอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม เป็นต้น ซึ่งจะมีเงื่อนไข หากเปิดกิจการแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง และจะมีการประเมินผลทุก 14 วัน แต่เมื่อผ่อนปรนแล้ว มีปัญหา หรือประเมินผลไม่ผ่าน ก็จะกลับมาเข้มอีก
นายกฯ แนะดูฤกษ์ดีก่อนผ่อนปรน
นายเทวัญ พัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แนะในที่ประชุม ศบค.อย่างอารมณ์ดี ยิ้มพลางพูดว่าการจะทำอะไรขอให้ดูฤกษ์งามยามดี ปกติการดูฤกษ์งามยามดีอาจมีหลายตำรา แต่จะใช้ตำราไหนคงต้องยึดตำราของนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก ตอนนี้ยังไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีใช้ตำราเล่มไหน
มีรายงานข่าวว่า ฤกษ์ดีมหามงคลเดือนพ.ค. ประกอบด้วย วันที่ 3 , 10 , 17 และ 24
พบผู้ป่วยต่ำ 10 เป็นครั้งแรก
นพ.ทวีศิลป์ แถลงข่าวประจำวันว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 9 ราย รักษาหายเพิ่ม 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 2,931 ราย หายกลับบ้าน 2,609 ราย เสียชีวิตรวม 52 ราย ยังรักษาใน รพ. 270 ราย โดยผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย ได้แก่ 1.กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 3 ราย คือ ภูเก็ต สุพรรณบุรี และยะลา 2.ตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุก 4 ราย จ.ยะลา และ 3.คนไทยกลับจากสหรัฐฯ อยู่ในสถานที่กักกันของรัฐในกรุงเทพฯ 2 ราย ถือว่าต่ำ 10 ในวันแรก
ชง ครม. เลื่อนวันหยุดเดือนพ.ค.ทั้งหมด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบให้เลื่อนวันหยุดราชการในเดือนพ.ค.2563 ทั้งหมด ประกอบด้วย วันที่ 1 พ.ค. วันแรงงานแห่งชาติ วันที่ 4 พ.ค. วันฉัตรมงคล วันที่ 6 พ.ค.วิสาขบูชา และวันที่ 11 พ.ค.วันพืชมงคล โดยจะนำเสนอให้ ครม. พิจารณาในวันนี้ เนื่องจากเห็นว่าหากให้มีวันหยุดยาว ทางสาธารณสุขมีความเป็นห่วงในเรื่องการเดินทาง จึงเสนอให้ไม่ให้เป็นวันหยุด แต่ไม่ใช่การตัดสิทธิวันหยุด ส่วนจะให้มีวันหยุดชดเชยเมื่อไรนั้น คาดว่าอาจจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสถานการณ์ต่อไป
ย้ำกิจกรรมเสี่ยงสูงต้องปิดต่อ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า หากรัฐบาลผ่อนปรนแล้ว คนจะออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น และเชื่อว่าอัตราการป่วยก็จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนต้องทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อให้ผู้ป่วยไม่กลับมาเพิ่มสูงจนเกินศักยภาพของโรงพยาบาลจะรับได้ โดยสิ่งที่ต้องคงไว้อย่างเข้มข้น คือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร และดัชนีชี้วัดว่าหากต้องกลับมาคุมมาตรการเข้มอีกครั้งเมื่อจำนวนผู้ป่วยหนักเพิ่มมากขึ้น และประเมินผลทุกๆ 14 วัน
สำหรับสถานที่ยังต้องปิดบริการต่อเนื่อง ในส่วนนี้ยังเป็นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ แต่ต้องจำกัดเวลาการใช้บริการ ส่วนกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงสูง หากผ่อนคลายเปิดปกติแล้ว อาจจะมีการแพร่ระบาดสูง คือ โรงเรียน มหาวิทยาลัย บาร์ กีฬาในร่มในที่ปิด กีฬากลางแจ้งบางชนิด การจัดประชุมในห้องปิด เป็นต้น
“เหล้า-เบียร์” ร้องเปิดขายเดลิเวอรี่
ที่ศูนย์บริการประชาชน ตัวแทนสมาพันธ์ผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสุราแห่งประเทศไทย นำโดยนายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ จากชมรมผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายคราฟท์เบียร์ และนายนิติพันธุ์ ครุฑทิน จากชมรมผู้ประกอบการคราฟท์เบียร์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอให้พิจารณาผ่อนปรนและเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการห้ามจำหน่ายสุรา โดยขออย่าให้ขยายเวลาห้ามจำหน่ายสุราหลังจาก 30 เม.ย.2563 ออกไปอีก ขอให้สามารถจำหน่ายแบบซื้อกลับบ้านหรือส่งถึงบ้านได้ช่วง 14.00-17.00 น. ขอให้เบียร์เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ได้ เพื่อช่วยระบายสินค้า ขอให้คืนภาษีสินค้าสุราที่เสื่อมสภาพ และผ่อนปรนเรื่องการขนย้าย
จ่ายเงินเยียวยาอีก 2.6 ล้านราย
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันที่ 8-24 เม.ย.2563 กระทรวงการคลังได้โอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิรับเงินเยียวยา 5,000 บาทแล้ว 4.9 ล้านราย เป็นจำนวนเงิน 2.5 หมื่นล้านบาท วันที่ 27-28 เม.ย.2563 จะทยอยโอนเงินให้ผู้ได้รับสิทธิอีก 1.5 ล้านราย และวันที่ 29 เม.ย.2563 จะดำเนินการโอนเงินเยียวยาให้ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์คัดกรองคุณสมบัติอีก 1.1 ล้านราย ทำให้มีผู้ได้รับเงินเยียวยารวม 7.5 ล้านราย คิดเป็นเงิน 3.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนผู้ขอยกเลิกการลงทะเบียนมี 9.4 แสนราย ผู้ขอทบทวนสิทธิ 3.4 ล้านราย ผู้ขอสละสิทธิรับเงินเยียวยา 1,675 ราย และยังมีกลุ่มผู้ลงทะเบียนที่ได้เข้ามากรอกแบบสอบถามทางออนไลน์เพิ่มเติมแล้ว 5.2 ล้านราย จากจำนวนผู้ลงทะเบียนที่ต้องส่งข้อมูลเพิ่มให้คลังพิจารณาทั้งสิ้น 6.3 ล้านราย ส่วนผู้ที่ยังไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม 1.1 ล้านราย ขอให้เร่งกรอกข้อมูลโดยเร็ว