หลายหน่วยงานเตรียมเสนอรัฐบาลผ่อนปรนเปิดบริการธุรกิจบางประเภท ร้านอาหารไม่ติดแอร์ ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม ตลาดนัด โดยมีแนวปฏิบัติควบคุม พร้อมประเมินผลทุก 14 วัน คาดเสนอเข้า ครม.พรุ่งนี้ เริ่มดำเนินการได้สัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. เผยนายกฯ ย้ำสาธารณสุขนำเศรษฐกิจ ขณะ สมช.เผยประชาชนเกิน 70% เห็นชอบคงเคอร์ฟิว ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน
วันนี้ (27 เม.ย.) แหล่งข่าวจากที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาและไปจัดทำข้อกำหนดว่าจะมีการผ่อนปรนในเรื่องใดบ้าง โดยเริ่มจากกิจการสีขาวไปก่อน เมื่อได้ความชัดเจนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 เมษายนนี้ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลงมาเพื่อประกาศต่อไป โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม หรือตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป เช่น ร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะมีรูปแบบกำหนดให้ว่า หากเปิดกิจการแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง มาตรการผ่อนปรนที่จะออกมาจะใช้ทั่วประเทศ โดยจะแบ่งเป็นประเภทกิจการ เป็นการทยอยปลดล็อกไปทีละขั้นซึ่งจะมีการประเมินผลทุก 14 วัน ขณะที่สถานบันเทิงจะพิจารณาหลังจากกลุ่มที่เสี่ยงน้อยไปแล้ว โดยจะทยอยเสี่ยงน้อยที่สุด เสี่ยงปานกลาง ไปจนถึงกลุ่มที่เสี่ยงมาก ทั้งนี้จะพิจารณาเป็นลำดับไป โดยกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทยที่จะดูแลทั่วประเทศ หากจังหวัดไหนผ่อนปรนแล้ว และประเมินผลไม่ผ่านก็จะกลับมาเข้มอีก ด้านมาตรการเคอร์ฟิวในแต่ละพื้นที่ให้ยึดตามประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินคือเวลา 22.00-04.00 น.
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขยังเป็นห่วงผลจากมาตรการค้นหาเชิงรุกที่ยังมีพบในพื้นที่ต่างๆ เช่น ศูนย์กักกันแรงงานที่ จ.สงขลา จึงมีการสนับสนุนให้ค้นหาเชิงรุกต่อ โดยเพิ่มกลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไป เมื่อมีการผ่อนปรนให้กลับไปทำงานก็อาจจะมีความเสี่ยงจากการรวมกลุ่มกันเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำเรื่องสาธารณสุขนำเศรษฐกิจ โดยให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอย่างนี้ แต่ก็เข้าใจถึงปัญหาเรื่องเศรษฐกิจขณะนี้จึงผ่อนปรนมาตรการลง ในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ไม่ถึง 300 คน จากจำนวน 2,000 กว่าคน ในเวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และจำนวนผู้รักษาหายใกล้เคียงกัน ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ แต่ต้องไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม ได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปช่วยดูเรื่องการจัดระเบียบการแจกสิ่งของต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการ ให้มีการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการเคอร์ฟิว ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานและการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า 70% ขึ้นไป เห็นด้วยให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว โดยเห็นชอบให้ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 30 วัน