สธ.แจงผู้ป่วยโควิดรายใหม่น้อย ไม่ได้มาจากการตรวจแล็บน้อย แต่มาจากความร่วมมือช่วยกันทำมาตรการลดการแพร่เชื้อ ชี้ ปิดตัวเลขไม่ได้ หากมีผู้ป่วยมากจะสะท้อนคนมาออเต็ม รพ. แต่ขณะนี้คลินิกทางเดินหายใจคนป่วยน้อยลง และผู้ป่วยโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียได้ ย้ำ ต้องเร่งคุมให้อยู่ก่อนเข้าหน้าฝน ขอร่วมมือป้องกันควบคุมโรคให้ดีที่สุด ส่วนมาตรการต่างๆ ยังต้องประเมินเป็นระยะ
วันนี้ (7 เม.ย.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ที่ลดลงเหลือ 51 ราย และ 38 ราย ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มาจากการตรวจเชื้อน้อยหรือไม่ ว่า ข้อสงสัยว่าเราตรวจไปเท่าไรนั้น ห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่สามารถตรวจได้มี 80 แห่งทั่วประเทศ โดยมาจากภาครัฐเกิน 50% อย่างเมื่อวาน รพ.จุฬาลงกรณ์ รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่าย ก็ตรวจไปประมาณ 2 พันกว่าตัวอย่าง ส่วนภาคเอกชนรายงานตัวเลขอาจไม่ได้รวดเร็ว ก็คาดว่า น่าจะเป็นการตรวจของเอกชนอีกครึ่งหนึ่ง ดังนั้น คาดว่า น่าจะมีการตรวจประมาณ 3-4 พันตัวอย่าง ส่วนเคสน้อยเพราะตรวจน้อยหรือไม่ มองว่า เคสมีน้อยเกิดจากมาตรการรัฐบาลที่ดำเนินการร่วมกันกับหลายฝ่าย เช่น การห้ามเข้าประเทศ ห้ามเดินทาง ห้ามกิจกรรมต่างๆ ที่มีการชุมนุมของคนมากเกินไป และความร่วมมือของประชาชน สังเกตได้ว่า มาตรการรักษาระยะห่างได้ผล ทำให้กิจกรรมการรวมตัวลดน้อยลง
“หากมีคนป่วยเจ็บมากๆ ไม่สามารถปิดได้ เช่น นิวยอร์ก อิตาลี จะเห็นผู้ป่วยจำนวนมากไปออกันที่สถานพยาบาลจนรับไม่ไหว และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หากไปดู รพ.ต่างๆ ที่มีคลินิกทางเดินหายใจก็มีผู้มารับบริการน้อยลง จึงไม่น่าประหลาดใจที่เรามีผู้ป่วยน้อยลง ที่เราทำไป 1-2 สัปดาห์ เริ่มสำเร็จ คนป่วยคนเจ็บไม่นอนกับบ้านเฉยๆ ทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดีย หากผู้ป่วยมีมากเขาก็โพสต์แล้ว หากมีคนป่วยเจ็บตายคงปิดไม่ได้ในยุคปัจจุบัน เชื่อว่า ผู้ป่วยที่ลดน้อยลงเป็นจริง เป็นความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และประชาชน” นพ.โอภาส กล่าว
เมื่อถามถึงแนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 อาจลดลงไม่ถึงที่คาดการณ์ 7 พันกว่ารายภายใน 15 เม.ย.หรือไม่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตอนนี้ตัวเลขสะสมประมาณ 2 พันกว่าราย โดยช่วง 10 กว่าวันนี้ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังแกว่งๆ อยู่ โดยต่ำสุด 38 สูงสุด 188 ราย หากเฉลี่ยนับจากวันนี้มีผู้ป่วย 100 กว่าราย ช่วง 9 วันที่เหลือก็จะมีผู้ป่วยไม่เกิน 2 พัน รวมกับของเดิมก็อาจจะอยู่ที่ 4 พันกว่าราย แต่จะลดลงให้เป็นจริงได้ เรายังต้องเข้มข้นเรื่องการลดไม่ให้เชื้อเข้ามาจากต่างประเทศ โดยลดหรือชะลอคนเดินทางกลับต่างประเทศต่อเนื่อง การร่วมมือกันปฏิบัติสวมหน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างกัน 2 เมตร ฯลฯ ทำให้ผู้ป่วยรายใหม่น้อยลง จะทำให้วันที่ 15 เม.ย.ไม่เป็นไปตามคาดการณ์
ถามถึงกรณีต่างชาติ ระบุว่า การให้ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน ที่รักษามาลาเรียมาใช้รักษาโควิด-19 มีผลข้างเคียง นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เรามีการนำยาตัวนี้มาใช้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เพราะมีข้อมูลว่าเอามาใช้ได้ และเรามีระบบเฝ้าระวังผลข้างเคียง ซึ่งล่าสุดยังไม่พบการรายงานผลข้างเคียงที่สำคัญ
เมื่อถามว่า ช่วงฤดูฝนที่อาจมีการเปิดเทอม มีการรวมตัวของคน และยังมีไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ต้องระวังเพิ่มเติมหรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า การแพร่ระบาดเกิดจาก 3 สิ่ง คือ ตัวเชื้อ คน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เมื่อหน้าฝนสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน ย่อมมีโอกาสที่โรคแพร่ระบาดได้อยู่ แต่สิ่งที่อยากให้ความสำคัญคือช่วงนี้ 1. คนมาจากต่างประเทศลดลง เชื้อเข้าจากต่างประเทศก็ลดลง การรายงานผู้ป่วยในประเทศที่มาจากต่างประเทศก็ลดลง 2. หากควบคุมในประเทศอย่างเข้มแข็ง กทม.ที่ระบาดเยอะๆ ก็ลงมาตามลำดับ จากการปิดสถานที่ ลดเคลื่อนย้ายด้วยการเคอร์ฟิว เช่นเดียวกับภูมิภาคที่มีผู้ป่วยกระจายไป แต่ก็ตรวจจับและป้องกันไม่ให้เกิดรุ่นสอง ถ้าจัดการได้ดีเชื้อในประเทศไทยก็จะลด ต่อให้หน้าฝนจะเอื้อบ้างต่อการแพร่ระบาด เราเชื่อว่าจะสามารถจัดการได้ดี ส่วนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม การปิดสถานที่ ลดการเคลื่อนย้าย ฯลฯ จะต้องอาศัยการประเมินเป็นระยะถัดจากนี้ ขอให้ทำในสิ่งปัจจุบันให้ดีที่สุด ร่วมมือป้องกันควบคุมโรคให้ดีที่สุด และวางแผน พ.ค.ไว้ล่วงหน้าเป็นเรื่องดี แต่ต้องป้องกันคุมโรคให้ดีที่สุดในปัจจุบัน