ศบค.แถลงพบป่วยโควิดเพิ่ม 120 ราย ตายอีก 2 ราย ยอดสะสมรวม 1,771 ราย ตายสะสม 12 ราย พบยอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเกือบทุกปัจจัยเสี่ยง เว้นกลุ่มสนามมวย กลับจากมาเลเซียที่ลดลง ชี้ติดเชื้อในบ้านยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนอยู่บ้านยังไม่รักษาระยะห่าง เผย 13 จังหวัดเจอผู้ป่วยใหม่ 25-31 มี.ค. ทั้งที่ปลอดผู้ป่วยมาต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบมาจากกลุ่มสถานบันเทิงเป็นหลัก
วันนี้ (1 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า นายกฯ ได้เห็นภาพเจ้าหน้าที่หลายท่านที่ได้ประยุกต์ใช้เรื่องต่างๆ เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ก็ได้ชื่นชมและขอบคุณ สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ระดับโลก พบว่าสหรัฐอเมริกายังคงเป็นอันดับ 1 คือมีจำนวนผู้ป่วย 1.87 แสนราย สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 120 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้าหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วย จำนวน 51 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 1 ราย กลุ่มสถานบันเทิง 11 ราย สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 38 ราย และกลับจากพิธีศาสนามาเลเซีย 1 ราย 2. ผู้ป่วยรายใหม่ 39 ราย ได้แก่ กลับจากต่างประเทศ 22 ราย เป็นคนไทยกลับจากต่างประเทศ 6 ราย กลับจากพิธีทางศาสนาที่อินโดนีเซีย 16 ราย เป็นคนต่างชาติเดินทางเข้ามา 2 ราย กลุ่มอาชีพเสี่ยง 14 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย และ 3. อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 30 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า วันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มจำนวน 2 ราย ได้แก่ 1. ชายอายุ 7 ปี อาศัยอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพบว่ามีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน และไตวายเรื้อรัง มีประวัติเดินทางร่วมงานแต่งงานที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 7 มี.ค. และเริ่มเจ็บป่วยวันที่ 20 มี.ค. มารับการรักษาที่ รพ.รัฐ วันที่ 23 มี.ค.เป็นผู้ป่วยนอก แต่อาการไม่ดีขึ้นมา มารับการรักษาอีกครั้งวันที่ 27 มี.ค. มีไข้ 39.1 องศา มีการปวดกล้ามเนื้อ ปวกศีรษะ ปอดอักเสบ ให้นอนรักษาและส่งต่อมารับการรักษาที่ รพ.ระดับจังหวัดวันที่ 28 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. และ 2. ชายอายุ 58 ปี เป็นนักธุรกิจ กลับจากอังกฤษ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. มีไข้ ไอ เสมหะ และกลับถึงไทยเมื่อวันที่ 14 มี.ค. รับรักษาใน รพ.เอกชน วันที่ 15 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งต้องไปหาว่ามีเหตุด้านอื่นๆ หรือไม่ ที่ทำให้เสียชีวิต ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสม 1,771 ราย เสียชีวิต 12 ราย
“จำนวนผู้ป่วย 1,771 ราย กราฟยังพุ่งทะแยงขึ้น ยังไม่น่าพึงพอใจ โดยพบว่ากระจาย 60 จังหวัด เป็น กทม.สูงสุด 850 ราย ตามด้วยนนทบุรี 104 ราย เมื่อดูผู้ป่วยรายใหม่ 120 ราย ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ยังไม่น่าพึงพอใจ เพราะตัวเลขยังเป็นร้อยกว่า โดยพบใน 16 จังหวัด เช่น กทม.43 ราย สมุทรปราการ 23 ราย ภูเก็ต 11 ราย กระบี่ นนทบุรี ปทุมธานี บุรีรัมย์ สงขลา ชลบุรี อย่างละ 2 ราย ฉะเชิงเทรา นครปฐม ศรีสะเกษ สมุทรสาคร สระบุรี หนองบัวลำภู อุบลราชธานี จังหวัดละ 1 ราย รอสอบสวนโรค 24 ราย ทั้งนี้ ในส่วนของ กทม.และนนทบุรี ช่วง 3-4 วันนี้ทำท่าจะลดลง แต่ยังเป็นหลักสูงอยู่กว่าตอนต้นเดือน มี.ค. ขณะที่ต่างจังหวัดยังทรงตัว ยังต้องเฝ้าระวังอยู่” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จังหวัดที่พบผู้ป่วยรายใหม่ช่วงวันที่ 25-31 มี.ค. โดยที่ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ไม่พบผู้ป่วยเลย มี 13 จังหวัด ได้แก่ 1. กลุ่มติดจากสถานบันเทิง คือ ชุมพร นครพนม พิษณุโลก พะเยา หนองคาย อำนาจเจริญ มุกดาหาร ลำพูน (ส่วนใหญ่ติดจาก กทม.) 2. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยนอกพื้นที่ คือ เพชรบุรี อุทัยธานี 3. กลุ่มประวัติเดินทางจากต่างประเทศ (ปากีสถาน การ์ตา) คือ แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ 4. กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ คือ มุกดาหาร 5. กลุ่มอาชีพเสี่ยง คือ สุพรรณบุรี และ 6. กลุ่มมวย คือ มุกดาหาร
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จากการพิจารณาผู้ป่วยรายวันตามปัจจัยเสี่ยง พบว่า กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้านี้มีทั้งหมด 437 ราย จำนวนไม่ลดลง หมายถึงจำนวนการติดในบ้านที่ยังไม่ลดลง ถ้าไม่เพิ่มระยะห่างบุคคลในบ้าน ที่บอกว่าอยู่บ้านเพื่อชาติ ท่านต้องเพิ่มมาตรการระยะห่างบุคคลไม่ต่ำกว่า 2 เมตรด้วย ส่วนกลุ่มสนามมวย จำนวน 219 ราย พบว่าจำนวนสูงที่สุดในช่วงวันที่ 21-22 มี.ค. และคุมการระบาดได้ดีการระบาดลดน้อยลง ขณะที่คนไทยมาจากพื้นที่เสี่ยง ทำงานในสถานที่แออัดจำนวนเพิ่มขึ้น กลุ่มสถานบันเทิงแนวโน้มไม่ลดลง ส่วนกลุ่มพิธีทางศานาที่มาเลเซียเริ่มลดลงแล้ว เมื่อดูถึงผู้ป่วยโควิดที่มาจากต่างประเทศ พบว่าผู้ป่วยชาวต่างชาติช่วงหลังคือวันที่ 29-31 มี.ค.เป็นชาวยุโรป ส่วนผู้ป่วยชาวไทยช่วง 29-31 มี.ค.ก็กลับมาจากยุโรปเช่นกัน รวมถึงอเมริกา และปากีสถาน