ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 127 ราย กระจาย 20 จังหวัด พบ กทม.ยังสูงสุด เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 10 ราย ผู้ป่วยสะสมรวมเป็น 1,651 ราย กระจาย 61 จังหวัดทั่วประเทศ เผยตัวเลขผู้ป่วยยังมาจากการติดเชื้อเมื่อ 5-7 วันก่อน จับตาหลังประกาศภาวะฉุกเฉินครบ 7 วันตัวเลขลดลงหรือไม่ ย้ำคนกรุงและปริมณฑลมากกว่า 10 ล้านคน ต้องช่วยกันลดออกจากบ้าน ไม่ให้เป็นแหล่งรังโรคและพาหะ
วันนี้ (31 มี.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า วันที่ 31 มี.ค.มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 127 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ (1. กลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า หรือไปอยู่ในสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้า จำนวน 62 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 4 ราย กลุ่มสถานบันเทิง 11 ราย กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า 47 ราย (2. ผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 49 ราย ได้แก่ เดินทางกลับจากต่างประเทศ เป็นคนไทย 17 ชาย คนต่างชาติ 6 ราย กลุ่มอาชีพเสี่ยง สถานที่แออัด หรือใกล้ชิดต่างชาติ 9 ราย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย ตรวจสอบแล้วเป็นการติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วย กลุ่มไปที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ราชการ 6 ราย กลุ่มอื่น 8 ราย และ (3. กลุ่มผลแล็บติดเชื้อแต่รอสอบสวนโรคจำนวน 16 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 48 ปี เป็นนักดนตรีทำงานที่ กทม. โดยมีประวัติส่วนตัวเป็นเบาหวาน และมะเร็ง โดยเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. มีอาการไอ ไข้ กลับจาก กทม.ไปต่างจังหวัด โดยมีอาการหอบมากขึ้น จึงไปที่ รพ.อำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.จังหวัด พบอาการปอดอักเสบอาการรุนแรงขึ้นจนระบบหายใจล้มเหลว ติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อเวลา 05.00 น.เศษ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563 ส่งผลให้วันนี้มีผู้ป่วยสะสม 1,651 ราย เสียชีวิตรวม 10 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 127 ราย พบใน 20 จังหวัด ได้แก่ กทม.74 ราย นนทบุรี ภูเก็ต ยะลา จังหวัดละ 6 ราย นครปฐม 3 ราย ปทุมธานี สมุทรสาคร ศรีสะเกษ อุตรดิตถ์ จังหวัดละ 2 ราย ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี สระแก้ว บิษณุโลก หนองบัวลำภู และชุมพร จังหวัดละ 1 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 13 ราย ส่งผลให้ภาพรวมทั้งประเทศผู้ป่วยสะสมจำนวน 1,651 ราย กระจายเพิ่มเป็น 61 จังหวัด สูงสุดยังอยู่ที่ กทม.และนนทบุรี 869 ราย ภาคอีสาน 77 ราย ภาคเหนือ 55 ราย ภาคกลาง 172 ราย และภาคใต้ 206 ราย เมื่อจำแนกตามกลุ่มอายุพบว่า กลุ่มอายุ 20-29 ปี เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่กลุ่มอายุอื่นๆ เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนอายุเฉลี่ยการติดเชื้อจลดลงมาเป็น 39 ปี
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ช่วง 3 วันที่ผ่านมา คือ 143 ราย 136 ราย และ 127 ราย ถามว่าพึงพอใจหรือไม่ ก็กลับไปดูวันที่เราแถลงภาวะฉุกเฉินโดยนายกฯ คือ วันที่ 26 มี.ค. ถือว่ายังไม่ถึง 7 วัน ดังนั้น จำนวนผู้ป่วยวันนี้ 127 ราย เป็นปรากฏการณ์คนติดเชื้อเมื่อ 5-7 วันก่อนแล้วมาแสดงอาการ แปลว่าหลังวันที่ 26 มี.ค.ต้องบวกไปอีก 7 วัน ถ้าเราร่วมมือกันดี ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ต้องลดลง ส่วนตัวเลขช่วง 3 วันที่ผ่านมาก็พึงพอใจระดับหนึ่งแต่ไม่นิ่งนอนใจ ต้องติดตามใกล้ชิด
“กทม.และนนทบุรี ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ยังคงมากอยู่ แม้แนวโน้มจะลดลงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังมีตัวเลขน้อยกว่านี้เยอะ ก็บ่งบอกว่าต้องทำอะไรมากกว่านี้หรือไม่ การออกมาท้องถนนจำนวนมาก ต้องจำเป็นจริงๆ ที่ต้องออกมา การเจอกันต้องมีระยะห่างกว่า 2 เมตร เพราะ กทม.และปริมณฑลมีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ในทางระบาดวิทยาสามารถเป็นพาหะโรคและรังโรคได้ ส่วนต่างจังหวัดต้องไม่นิ่งนอนใจตัวเลข ยังทรงๆ อยู่ แต่กราฟจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ถือว่าเพิ่มขึ้นมาจากวันที่ 29 มี.ค.จำนวนสูงมาก ต้องขอความร่วมมือทุกคน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาผู้ป่วยเป็นรายสัปดาห์ คือ สัปดาห์ที่ 11, 12, 13 และ 14 ตามแต่ละปัจจัยเสี่ยง พบว่ากลุ่มสัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ 10 ราย 67 ราย 164 ราย และ 155 ราย ตามลำดับ กลุ่มสนามมวย จาก 1 ราย เป็น 106 ราย 65 ราย และ 11 ราย กลุ่มกลับจากต่างประเทศ จาก 4 ราย เป็น 28 ราย 44 ราย และ 51 ราย กลุ่มสถานบันเทิง จาก 11 ราย เป็น 37 ราย 43 ราย และ 36 ราย ส่วนการจำแนกตามรายภาค พบว่า กทม.มีผู้ป่วยสูงสุดแทบทุกปัจจัยเสี่ยง คือ สัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 213 ราย สนามมวย 108 ราย กลับจากต่างประเทศ 69 ราย สถานบันเทิง 88 ราย อาชีพเสี่ยง 47 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 11 ราย ยกเว้นร่วมพิธีทางศาสนาที่มาเลเซีย ซึ่วจะสูงในภาคใต้ 29 ราย
