xs
xsm
sm
md
lg

ทดสอบแล้ว!! “ฝ้ายมัสลิน” เหมาะทำหน้ากากผ้า กรองอนุภาค-กันน้ำซึมได้ดี ซักหลายครั้งเส้นใยไม่พัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมวิทย์ทดสอบประสิทธิภาพ “ผ้า” พบ “ผ้าฝ้ายมัสลิน” เหมาะสมทำหน้ากากผ้ามากที่สุด เหตุกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ดี ป้องกันการซึมผ่านของน้ำได้ดี และสามารถซักใช้ซ้ำได้มากกว่า 100 ครั้ง โดยเส้นใยไม่เสื่อมสภาพ

วันนี้ (11 มี.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการทดสอบประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า ว่า กรมฯ ได้ศึกษาประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า ว่า สามารถป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้หรือไม่ โดยใช้มาตรฐานเหมือนหน้ากากอนามัยกับหน้ากาก N95 มาเป็นตัวเปรียบเทียบ โดยศึกษาใน 4 ประเด็น คือ 1. อนุภาคขนาดเล็กผ่านได้มากแค่ไหน  2. การป้องกันการซึมผ่านของน้ำ  3. ซักได้บ่อยครั้งหรือไม่  โดยทดสอบในผ้า 4 ชนิด คือ ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้านาโน ผ้ายืด และ ผ้าสาลู โดยพบว่า 1. การป้องกันอนุภาคขนาดเล็ก โดยการทดสอบผ่านการส่องกล้องจุลทรรศน์ พบว่า ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลิน และ ผ้านาโน มีคุณสมบัติป้องกันอนุภาคขนาดเล็กได้ดีพอสมควร แต่ดีที่สุดคือผ้าฝ้ายมัสลิน และ ผ้านาโน โดยพบว่า ยิ่งเป็นผ้า 2 ชั้นประกบกันก็ยิ่งดีประสิทธิภาพกล้เคียงกับหน้ากากอนามัย

2. การป้องกันการซึมผ่านของน้ำ พบว่า ผ้าสาลู ที่ใช้ทำผ้าอ้อมเด็ก สามารถกันน้ำได้ดี รวมถึงผ้าฝ้ายมัสลินก็ป้องกันได้ดี และ 3.การซักทำความสะอาด พบว่า ผ้านาโนซักได้ประมาณ 10 ครั้ง เส้นใยก็ก็เริ่มเสื่อมสภาพ แต่ผ้าฝ้ายมัสลิน ซัก 100 ครั้งคุณสมบัติยังดีอยู่ ดังนั้น จากการทดสอบประสิทธิภาพทั้ง 3 ด้านแล้ว ผ้าฝ้ายมัสลินจึงมีคุณสมับติที่เหมาะสมในการทำหน้ากากผ้ามากที่สุด และหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป เป็นทางเลือกสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่ำที่จะทำเป็นหน้ากากผ้าทดแทนได้

“ผ้าฝ้ายมัสลิน มีความเหมาะสมในการนำมาใช้ทำหน้ากากผ้า 2 ชั้นมากกว่าผ้าชนิดอื่น เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีหลายด้าน คือ สามารถกันละอองน้ำ และเส้นใยผ้าสามารถกันอนุภาคได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่น และที่สำคัญ สามารถนำมาใช้งานได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะอาดของหน้ากากผ้าแนะนำให้ซักล้างและตากแห้งทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ประชาชนต้องป้องกันตัวเองโดยไม่เอามือไปสัมผัส หน้ากาก ขณะสวมใส่ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคมาติด ซึ่งอาจจะเข้าสู่จมูกหรือปากได้และล้างมือบ่อยๆ” นพ.โอภาส กล่าว












กำลังโหลดความคิดเห็น