สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว อาทิตย์ที่แล้วพูดเรื่องการฉีดวัคซีนของคนญี่ปุ่นซึ่งผมอยากจะขอให้คุณหมอฉีดวัคซีนหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าคุณหมอก็ไม่ค่อยฉีดให้สักเท่าไหร่นัก ผมอยากฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักและวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี อ้อนวอนจนคุณหมอยอมฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักให้หนึ่งเข็ม ตอนนั้นอายุ 20 ต้นๆ เท่านั้นเอง ถ้านับจนถึงวันนี้ก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว วัคซีนป้องกันบาดทะยักน่าจะเกินระยะภูมิคุ้มกันไปแล้วเหมือนกัน
จนกระทั่งเมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ นี่เอง ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ไหนๆ ผมก็มาโรงพยาบาลแล้วลองปรึกษาคุณหมอว่าอยากจะฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันบาดทะยักด้วย จะเป็นไปได้ไหมครับ คุณหมอก็บอกว่าสามารถที่จะฉีดพร้อมกันได้เลย โดยเฉพาะตอนนี้ที่โรงพยาบาลของเรามีวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักบวกวัคซีนป้องกันโรคคอตีบในเข็มเดียวกันด้วย คือคุณหมอที่เมืองไทยอนุมัติให้ฉีดได้แถมสองวัคซีนในเวลาเดียวกันก็ได้อีกแนะ
เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าช่วงนี้มีเรื่องโรคระบาด COVID-19 จากไวรัสโคโรน่ากำลังระบาดอยู่ที่เมืองจีน และอีกหลายประเทศ วันนั้นที่โรงพยาบาลทุกคนทั้งคุณหมอและพยาบาลใส่หน้ากากป้องกันกันหมดเลยและคุณหมอแต่ละคนก็ค่อนข้างจะเป็นผู้มีความรู้และดูบุคลิกภาพดีซึ่งถ้าถามว่าผมเชื่อคุณหมอไหม ต้องบอกว่าเชื่อครับ แม้ว่าเราจะอ่านหนังสือหรือมีข้อมูลมา แต่บ้างเรื่องเราก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าหมอที่ญี่ปุ่นจะไม่ยอมฉีดยาให้ หรือหมอที่ไทยสั่งให้ฉีดยาได้เลยก็ตาม ก็ต้องเชื่อคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วย และตัวเราเองก็ควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด วันนั้นทำให้ผมรับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก (โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ) และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ) ควบกันเลย
ถ้าพูดถึงเรื่องเชื้อไวรัสผมก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าที่ญี่ปุ่นตอนที่เรียนจะมีการเรียนการสอนเรื่องของประเภทและการแยกประเภทของไวรัสและแบคทีเรียที่มีผลต่อร่างกายคนเรา ซึ่งไวรัสกับแบคทีเรียนั้นส่งผลต่อร่างกายต่างกัน
◇ไวรัสและแบคทีเรียมีความแตกต่างกันอย่างไร มาคุยกันคร่าวๆ ครับ คือ
●ไวรัสและแบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะหลายๆ ประการแตกต่าง ที่เห็นได้ชัดคือ ขนาด และการส่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย
●ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียประมาณ 10-100 เท่า ไวรัสต้องอาศัยเซลล์เจ้าบ้านเป็นที่อยู่และต้องอยู่ภายในเซลล์เท่านั้น ไวรัสจะเปลี่ยนสารพันธุกรรมในเซลล์เจ้าบ้านผิดปกติจ แต่แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สามารถอาศัยอยู่ภายในหรือภายนอกเซลล์อื่นๆ ก็ได้ สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเซลล์เจ้าบ้าน
●ถ้าเราลองส่องตรวจสอบโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ธรรมดา จะไม่เห็นไวรัส เพราะมีขนาดเล็กมากเกินกว่าที่จะมองเห็นได้จากกล้องจุลทรรศน์ปกติ แต่จะเห็นโครงสร้างของเซลล์แบคทีเรียได้ ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่าโครงสร้างเซลล์ของไวรัส
●ไวรัสจะบุกรุกเข้าเซลล์อื่นและใช้เซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นผลิตไวรัสใหม่ขึ้นมา แต่แบคทีเรียผลิตดีเอ็นเอของตัวเอง ยืดตัวยาวและแบ่งเป็นสองเซลล์ เซลล์ลูกแต่ละเซลล์จะได้รับการถ่ายทอดดีเอ็นเอจนกลายเป็นเซลล์ใหม่อีกเซลล์ที่เหมือนเซลล์แม่ทุกประการ เป็นต้น
ทั้งไวรัสและแบคทีเรียมีอยู่ทั่วๆ ไปทั้งภายนอก และภายในร่างกาย หรือไม่ว่าจะดิน น้ำ ต้นไม้ ห้องน้ำต่างๆ เมื่อพูดถึงเรื่องห้องน้ำทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าผมเป็นคนที่ต้องปัสสวะบ่อยมาก เวลาตามหาห้องน้ำตามแหล่งท่องเที่ยวนี่มีปัญหามากทีเดียว เวลาเพื่อนๆ ไปเที่ยว หรือว่าออกไปธุระนอกบ้าน เคยมีปัญหาปวดท้องหนัก ปวดท้องเบาอยากเข้าห้องน้ำแล้วต้องตามหาที่เข้าห้องน้ำกันบ้างไหมครับ คือผมเนี่ยเป็นคนที่เข้าห้องน้ำบ่อยมาก แล้วเวลาไปเที่ยวผมก็จะมักจะมีปัญหาเรื่องการหาห้องน้ำมาก พอผมคุยกับเพื่อนคนไทยเพื่อนผมเค้าก็บอกว่า ไม่ค่อยมีปัญหา บางทีก็ทนได้ ปกติก็ไม่ค่อยเข้าห้องน้ำกันมากนัก ผมมานึกขึ้นได้ว่าคงจะจริงเพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ไม่ใช่ผมคนเดียว แต่คนญี่ปุ่นคนอื่นๆ ก็เป็นประเภทที่ว่าติดการเข้าห้องน้ำและมีนิสัยที่จะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
จึงมีการนำคำศัพท์ ที่เขียนว่า 近い chikai ปกติแปลว่า "ใกล้" มาเปรียบเทียบลักษณะอาการที่ว่าคนญี่ปุ่นต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ว่า 日本人は"近い" และบางทีเรียกสั้นๆ ว่า 近い หรือพูดว่าที่ใกล้อย่างเดียว ก็เป็นที่รู้กันว่า เข้าห้องน้ำบ่อย คิดว่าเพราะว่าที่ญี่ปุ่นจะมีห้องน้ำอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟทุกสถานี บางทีมีรอบนอก ตามทางเดินบริเวณสถานีรถไฟ ห้องน้ำตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ หรือห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าร้านอาหารต่างๆ ก็สามารถที่จะเข้าห้องน้ำได้ ห้องน้ำส่วนใหญ่ก็สะอาด แม้ว่าตามสถานีรถไฟเองก็มีเจ้าหน้าทีคอยดูและความสะอาด มีกระดาษชำระและห้องสำหรับคนพิการ เป็นต้น ทำให้คนญี่ปุ่นติดนิสัยที่ว่าไม่ต้องมีความอดทน สามารถเข้าห้องน้ำได้บ่อยๆ เดินๆ ไปแล้วก็เลี้ยวเข้าห้องน้ำได้ไม่ว่าที่ไหน
ซึ่งตัวผมเองนั้น 近い chikai มากๆ 俺、近いんだ
Ore,Chikai nda... | |( ´_ゝ`) (・ω・`)(・ω・`)(・ω・`)
เพื่อนๆ ที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะมองเห็นภาพ ถ้าเดินๆ เที่ยวในระยะ 30- 40 นาทีเนี่ยไม่ว่าคุณจะเดินไปเที่ยวทางไหนคุณสามารถที่จะมองหาห้องน้ำสาธารณะที่สะอาดได้ แต่กลับกันในขณะที่คนญี่ปุ่นไปท่องเที่ยวต่างประเทศและมักจะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำ เพราะบางทีหาไม่ได้ ต้องอดทนนานสองนานซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมีปัญหาเรื่องห้องน้ำที่ญี่ปุ่น คือวันนั้นผมนั่งรถบัสท่องเที่ยวจากสถานีแถวบ้านไปชมสวนน้ำและปลาโลมาที่อยู่ไกลออกไปประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง นั่งไปไม่เท่าไหร่ผมก็เริ่มปวดปัสสวะแล้ว ต้องรอจนกว่ารถจะวิ่งถึงจุดจอดพักเข้าห้องน้ำ ซึ่งต้องรออีกเป็นชั่วโมงๆ เป็นที่สุดในชีวิตเลยครับ ทรมานมาก พอรถถึงที่พักรถนี่วิ่งแทบไม่ทัน ทำให้ผมจำประสบการณ์วันนั้นได้ดีเลย และจุดพักรถแห่งนั้นในความทรงจำ และที่แปลกใจเข้าไปอีกเมื่ออ่านข่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้รถบัสที่ไปรับคนญี่ปุ่นที่เดินทางมาจากเครื่องบินชาร์เตอร์ไฟล์จากอู่ฮั่น คนขับพาผู้โดยสารที่จะไปพักช่วงระยะกักตัวลงไปเข้าห้องน้ำสารารณะที่จุดพักรถในความทรงจำของผม ทำให้ผมยิ่งสะพรึง เพื่อนๆ คงเคยได้ยินข่าวที่แต่ละประเทศส่งเครื่องบินชาร์เตอร์ไฟล์ไปรับคนของประเทศตัวเองกลับจากอู่ฮั่น แต่ละที่ค่อนข้างรัดกุมและนำผู้โดยสารไปพักฟื้นกักตัวไว้ในที่ห่างไกล หรือตามค่ายทหาร หรือเกาะร้าง แต่ที่ญี่ปุ่นหลังจากที่เครื่องบินชาร์เตอร์ไฟล์มาถึงสนามบินแล้วก็มีการรวมผู้โดยสารที่มากับเครื่องบินนั้น แล้วพานั่งรถบัสเพื่อที่จะนำไปส่งที่ที่พักที่จะให้เก็บตัว แต่ระหว่างการเดินทางก็มีการอนุญาตให้ผู้โดยสารแวะเข้าห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งใครๆ ฟังแล้วก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย เรื่องการจัดการและควบคุมโรค
คือจากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ผมคิดว่า เอ๊ะนี่ไม่ใช่ทัวร์บริษัทนะ เห็นประเทศอื่นๆ มีความเข้มงวดรัดกุมตั้งแต่การเดินทางและการจัดการขนส่งต่างๆ ตามกฏการควบคุมโรคติดต่อที่แพร่ระบาดได้ง่ายเช่นนี้ เห็นในข่าวบอกอีกว่าเมื่อปล่อยให้ลงไปใช้ห้องน้ำสาธารณะแล้ว ขึ้นมามีขานนับชื่อแบบนักเรียนเช็คชื่อด้วย นึกถึงเด็กน้อยๆ ยกมือตอบว่า " ทานะกะซัง? .. มาครับ ,ซาโต้คุง มาครับ, ครบค่ะ จากนั้นเด็กๆ ทุกคนร้องเพลงแล้วไปปิกนิกเถอะจ้ะหนูน้อย " ในวันนั้นเมื่อผู้ที่ถูกนำตัวไปพักกักบริเวณเฝ้าดูอาการก็เดินทางต่อไปยังจุดหมาย แต่ก็ทิ้งประเด็นสงสัยว่าห้องน้ำในพื้นที่บริการนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้องมีการฆ่าเชื้อหรือไม่ ซึ่งไม่ได้มีข้อมูลใดๆ
ซึ่งเรื่องการระบาดของโรค COVID-19 จากเชื้อไวรัสโคโรน่าในขณะนี้ จะเห็นว่าตอนนี้ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงของการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและลำบากใจเป็นอย่างมาก ซึ่งหลายๆ ฝ่ายพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่กะทันหันและรัฐบาลก็ไม่ทันตั้งตัวรับมือ เมื่อมองจากสิ่งที่เกิดขึ้น ก็พอรู้ได้ว่าการจัดการและการรับมือนั้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกิดความไม่เข้มงวดในบางเรื่อง จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดั่งเช่นที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งจะว่าไปก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลรับมือแบบเร่งด่วน อย่างที่ไม่ทันคาดคิด ไม่ทันตั้งตัวแต่จริงๆ จะว่าไปก็น่าสงสารเขาเหมือนกัน และต้องให้กำลังใจในการจัดการและรับมือกันต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แล้วก็คงจะต้องช่วยกันจัดการต่อไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศญี่ปุ่นจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพนะครับ วันนี้สวัสดีครับ