xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เอาผิด 7 ราย ปล่อยข่าวปลอม "ไวรัสโคโรนา" ขยายเฝ้าระวังคนไทยทำงานใกล้ชิดคนจีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.แจ้งความเอาผิดคนปล่อยข่าวปลอม "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" 7 ราย เตือนอย่าแชร์ต่อมีความผิดด้วย ขยายคัดกรองเฝ้าระวังคนไทยที่สัมผัสใกล้ชิดคนจีนด้วย เช่น ไกด์ หมอนวด หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ ต้องเข้าระบบ ย้ำ 5 ข้อ "WUHAN" ต่อสู้โรคระบาด ยันไม่มีการเมืองแทรกแซงทำงานด้านระบาด 

วันนี้ (29 ม.ค.) นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยของประเทศไทยยังอยู่ที่ 14 ราย ไม่มีรายใหม่ โดยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 5 ราย ที่เหลือยังอยู่ในห้องแยกโรคของสถาบันบำราศนราดูรและ รพ.ราชวิถี อาการดีขึ้น ไม่มีอะไรน่ากังวล และยืนยันว่ายังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งหมดเป็นผู้ที่รับเชื้อมาจากประเทศจีน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 28 ม.ค. มี 158 ราย คัดกรองได้ที่สนามบิน 29 ราย เดินเข้ามาที่สถานพยาบาลเอง 126 ราย โดยให้กลับบ้านแล้ว 62 ราย พบว่าเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โนโรไวรัส และติดเชื้ออื่นๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีคนที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 22 ราย เท่ากับว่าวันนี้เรามีการแลผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่มาจากหลายเมืองของจีน ไม่เฉพาะแค่เมืองอู่ฮั่นเท่านั้น ทั้งนี้เรียนว่าการเจอผู้ป่วยเข้าเกณฑ์นั้นจะเจอได้ทุกวัน

"ขออย่าเชื่อข่าวลือใดๆ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามมาที่กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลือ ข่าวลวงจนทำให้เกิดความตื่นตระหนก โดยวันนี้ สธ.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับผู้ปล่อยข่าวลวงเกี่ยวกับเชื้อดังกล่าวแล้ว 7 ราย เพราะฉะนั้นขอความร่วมมืออย่าแชร์ข่าวลวง หากแชร์จะมีความผิดไปด้วย" นพ.ธนรักษ์กล่าว


นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า มาตรการรับมือโรคดังกล่าวมีการเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นต่อไป รวมถึงกรณีหากเกิดสภาพเลวร้ายที่สุดไว้ด้วย อย่างการระบาดในประเทศไทยก็บอกไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไร อาจจะวันนี้ พรุ่งนี้หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่เราต้องเตรียมการเผื่อไว้ ดังนั้น ในวันที่ 30 ม.ค.จะมีการประชุมร่วมกับทีมที่เกี่ยวข้องในทุกจังหวัดเพื่อวางแผนรับมือ หากมีการระบาดในวงจำกัดในบางพื้นที่ของจังหวัดจะทำอย่างไร แล้วถ้าขยายวงกว้างจะทำอย่างไร โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นอกจากการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวจีนทุกคนทุกเมืองแล้ว ยังขยายการคัดกรองในคนไทยกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนด้วย เช่น ไกด์นำเที่ยว หมอนวดไทย เป็นต้น หากคนกลุ่มนี้มีไข้ ไอ เจ็บคอ จะต้องนำเข้าระบบการเฝ้าระวังด้วย 

เมื่อถามว่ามีการประเมินสถานการณ์อาจจะลากยาวถึง 6 เดือน ต้องเตรียมการอะไรเพิ่มหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ที่ทำอยู่ตอนนี้ถือว่าเพียงพอ ทางกรมการแพทย์ และกองทัพก็ส่งบุคลากรมาเสริมการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องการอีกมาก คือ เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือแบบ ใช้วัดอุณหภูมิโดยไม่สัมผัสตัวบุคคล อาจจะต้องสั่งซื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับโรคระบาดต้องขอความร่วมมือกับประชาชนอย่างมาก ด้วยการฝึกปฏิบัติตนเอง ด้วยการยึดหลักอู่ฮั่น(W-U-H-A-N) คือ ล้างมือ (W - wash hands) ใช้หน้ากากอนามัย (U - use mask properly) วัดอุณหภูมิร่างกายว่ามีไข้หรือไม่ (H - have temperature checked regularly) หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด (A - avoid large crowds ) และอย่านำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสใบหน้า(N - never touch your face with unclean hands)

ส่วนกรณีที่มีหลายคนกังวลว่าทำไมถึงไม่สั่งห้ามคนจากพื้นที่ระบาดเข้าไทย เรื่องนี้ต้องดูหลายอย่าง ตอนนี้มีจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนีที่พบผู้ป่วยในประเทศโดยไม่เคยออกนอกประเทศ ถามว่าเราต้องปิดการเดินทางทั้ง 3 ประเทศเลยหรือไม่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่า การปิดการค้า การเดินทางเป็นวิธีที่ไม่แนะนำ และตอนนี้องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่ประกาศห้ามการเดินทาง 

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทำงานลำบาก เพราะมีการเมืองแทรกแซง นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทีมเฝ้าระวังควบคุมโรคของเราทำงานอย่างมีอิสระมาก ไม่มีการแทรกแซงจากภาคการเมือง กลับกันยังได้รับการสนับสนุนการทำงานอย่างสะดวกมากขึ้นด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สธ. ยังสั่งการให้เราทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนมั่นใจ พวกเราเป็นนักสู้ ถ้าอนาคตจะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงเราจะไม่ยอม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชน  ป้องกันไม่ให้บอบช้ำให้มากที่สุด






กำลังโหลดความคิดเห็น