xs
xsm
sm
md
lg

ร้ายกว่าไวรัสโคโรนา คือ วายร้ายข่าวปลอม! “อนุทิน” วอน หยุดเอาการเมือง มาเล่นกับชีวิตคนไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุทิน” โชว์อันดับ 6 ประเทศที่มีการเตรียมความพร้อมป้องกันการระบาดไวรัสโคโรนาดีที่สุด วอน คนที่สร้างข่าวปลอม ด้วยจินตนาการ ความเกลียดชัง ทัศนคติทางการเมืองมาโจมตีทำลายกัน เห็นแก่ชีวิตคนไทย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(29 ม.ค.63) ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรนา” หรือ โรคปอดบวมอู่ฮั่น กำลังเป็นที่ตื่นตระหนกไปทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย และยิ่งกว่านั้น กระแสข่าวที่ออกมายังสร้างความสับสนตื่นตระหนกให้กับประชาชนอย่างมาก จากการสร้างข่าวความร้ายแรงเกินจริงที่เป็นข่าวปลอม

จน เฟซบุ๊ก อนุทิน ชาญวีรกูล ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์หัวข้อ“ตารางคะแนน ไม่เคยโกหกใคร”

ก่อนที่จะระบุว่า “ไทยได้รับความเชื่อถือจากนานาชาติ จัดให้เป็นประเทศที่มีการเตรียมความพร้อมป้องกันการระบาด ได้ดีที่สุดเป็นลำดับ 6 ของโลก และ ลำดับที่ 1 ในเอเซีย

เราไม่เคยประมาท เราเป็นชาติแรกที่เริ่มตรวจสอบ และ ประกาศความจริงให้โลกรับรู้ ว่าพบ ผู้ติดเชื้อไวรัสนิวโคโรนา นอกประเทศจีน จนนำมาสู่การตื่นตัวขององค์การอนามัยโลก และทำให้ทุกๆ ชาติตื่นตัว เพราะมาตรฐานของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก

เราดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อทุกคนที่พบ ด้วยมาตรฐานสูงสุด จนกระทั่งหายเป็นปกติ แล้วส่งกลับประเทศจีน

กระทรวงสาธารณสุข เชื่อว่ามีแต่การพูดความจริงเท่านั้น ที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค และ การทำงานจริงจัง ด้วยมาตรฐานการแพทย์สูงสุดเท่านั้นที่จะรักษาชีวิตประชาชน ได้

กระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ให้ติดตาม ป้องกัน และควบคุมการระบาด มาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่แล้ว และเราทำงานกันเต็มที่ 24 ชั่วโมงทุกวัน

ขอความกรุณาผู้ไม่หวังดี และ สื่อมวลชนบางท่าน ที่กำลังสนุกกับการสร้างข่าว สร้างภาพ เพื่อขายข่าว เพื่อเรียกเรตติ้งให้ตัวเอง และดูถูกว่ากระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย ขาดความรู้ ได้โปรดหยุดการเสนอข่าว สร้างข่าว ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก และ ความไม่เชื่อมั่นต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท

การสร้างการรับรู้ เป็นเรื่องที่ดี แต่ขอให้เป็นข้อมูลจริง ที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ควรใช้จินตนาการ ความเห็น ความเกลียดชัง ทัศนคติทางการเมืองมาโจมตีทำลายกันในกรณีนี้

การสร้างความตื่นตัว เป็นเรื่องที่ดี แต่อย่านำข้อมูลเท็จ อคติส่วนตัว มาขยายผลทำให้เกิดความตื่นตระหนก จนก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าความเป็นจริง

นาทีนี้ เราต้องร่วมมือกัน เพื่อป้องกันคนไทย ให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคชนิดนี้ เป็นลำดับแรก

ขอความกรุณารับฟังข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข

ขอให้มั่นใจในมาตรฐานการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข

เราพูดแต่ความจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เท่านั้น

ไม่เพียงเท่านั้น ต่อมา เฟซบุ๊ก อนุทิน ชาญวีรกูล ยังโพสต์ข้อความอย่างต่อเนื่อง หัวข้อ “ที่ร้ายกว่าไวรัส แพร่กระจาย คือ วายร้าย แพร่ข่าวปลอม”

โดยระบุว่า “นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณรัตน์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการโพสต์ภาพเหตุการณ์คนจีนล้มลงกับพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาว่า

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค. เวลา 01.22 น. ที่ผ่านมา ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจากเจ้าหน้าที่สนามบินได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้โดยสารชายชาวจีนคนหนึ่งมีอาการเมาสุรา แล้วนั่งหลับจนตกเก้าอี้ลงไปนอนบนพื้นสนามบิน

เจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อเช็คอาการ พบว่า มีอาการเมาสุราจริง

ภาพจากแฟ้ม
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าเจ้าหน้าที่สนามบินมีการห้ามถ่ายภาพชายดังกล่าวในขณะนั้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นเขตการบิน ซึ่งตามระเบียบห้ามมิให้มีการถ่ายภาพอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเอาผิดผู้โพสต์ที่นำเข้าข้อความเท็จและสร้างความแตกตื่นแล้ว ขอบคุณ : ข่าวสด”

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้(29 ม.ค.63) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงกรณีข่าวไวรัสโคโรนาว่า

ตอนนี้เรามีศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมในการกรองข่าว แต่เราก็มีช่องทางในการนำเสนอกับประชาชน อยากฝากสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ เรามีช่องทาง ในไลน์ 1,300,000 กว่าคน ตั้งแต่มีเรื่องไวรัสโคโรนา เราขึ้นข่าวถี่มาก เพราะข่าวปลอมมีเยอะ แต่หลายคนที่เข้าใจว่าศูนย์เงียบ อาจจะไม่เข้าใจ ไม่ทราบช่องทางที่เรากระจายข่าว

ก็อยากฝากประชาสัมพันธ์ให้เข้ามาเป็นสมาชิกใน line group จะได้ทราบเวลามีข่าวปลอม จะได้ช่วยแชร์ได้ข่าวว่าใดจริงไม่จริง เราก็พยายามหยิบอันที่คนแชร์กันเยอะมาตรวจสอบและสื่อออกไป จึงอยากให้ติดตามใน line กลุ่ม ซึ่งเป็นไลน์กลุ่มพิเศษที่มีสมาชิกได้ไม่จำกัดจำนวน

เราพยายามเร่งทำ เพราะรู้ว่าข่าวปลอมเยอะจริง ผมพยายามจะติดตามตรวจจับต้นตอข่าวปลอม ซึ่งเราพยายามติดต่อข้อมูลส่งให้ ปอท. ในการจับผู้กระทำผิด ในวันสองวันนี้ เยอะมาก ก็พยายามประสานว่า ในวันสองวันนี้จะไปดำเนินการจับได้หรือไม่

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น วันนี้(29 ม.ค.63) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “การระบาดอย่างรวดเร็วของโรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019” ระบุว่า

โรคนี้ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยจำนวนมาก (รวม 6,000 คนแล้ว) รวดเร็วกว่า SARS หลายเท่า โรค SARS เริ่มเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน กว่าจะไปเริ่มระบาดจริงๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ และระบาดมากในมีนาคม เมษายน 2003 ก็ไม่เร็วเท่าโรคปอดบวมอู่ฮั่น

สาเหตุที่เชื่อว่าโรคนี้จะระบาด เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1.การระบาดในประเทศจีนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่รู้ว่ามีผู้ป่วยปอดบวมพร้อมกัน 41 คน ในขณะนั้น การระบาดเป็นการรับช่วงจากผู้ป่วยส่งต่อกันมาถึงระดับที่ 4 หมายถึง ผู้ป่วยคนแรกไม่น่าจะมาจากตลาดขายของสดในช่วงเวลาขณะนั้น มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งไม่ได้สัมผัสตลาดนี้เลย

2.ความรุนแรงของโรคนี้น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ SARS และ MERS อัตราตายของโรคนี้ ถ้าดูจำนวนเปอร์เซ็นต์จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ เชื่อว่าน่าจะน้อยกว่า 1% หรืออาจจะอยู่ที่ 1 ในพัน จากผู้ป่วยที่เป็นนอกประเทศจีน กว่า 100 คน ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเลย เพราะการวินิจฉัยจะทำได้ดีและรวดเร็วขึ้น และยอดผู้ป่วยที่แท้จริงจะมีมากกว่าผู้ป่วยที่รายงานมาก ตัวเลขอัตราการตาย ก็จะค่อยๆ ลดลงเหมือนการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในปี 2009

3.การนับจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า อีก 1-2 เดือนต่อไปก็จะไม่มีการนับแล้ว เช่นเดียวกับการระบาดไข้หวัดใหญ่เมื่อ 10 ปีก่อน พอไปถึงระยะหนึ่งก็เลิกนับจำนวน

4.เมื่อโรคมีความรุนแรงน้อย จึงมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังแพร่กระจายโรคได้ มีการเดินทาง จึงทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างรวดเร็ว

5.ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ไม่ได้ไปสัมผัสในประเทศจีน เกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น และเยอรมัน ดังนั้นก็จะพบได้อีกในหลายประเทศต่อไป

6.ความรุนแรงเหมือนไข้หวัดใหญ่ การระบาดจึงเหมือนไข้หวัดใหญ่ ที่พร้อมจะกระจายข้ามทวีป และกระจายไปทั่วโลก อย่างเช่นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือนก็กระจายไปทั่วโลก

เราต้องยอมรับความจริง โรคนี้ระบาดแน่ในประเทศไทย และทุกประเทศ แต่ก็ควรมีมาตรการให้ระบาดช้าที่สุด เพื่อรอองค์ความรู้ใหม่ และข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโรคนี้

เราไม่อยากเห็นการระบาดอย่างรวดเร็ว การตั้งรับ การทำงานของบุคลากรสาธารณสุข ความสับสน การทำงาน จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เราไม่อยากเห็นการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามแบบจีน

การระบาดเมื่อประชากรเป็นแล้ว มีภูมิถึงระดับหนึ่ง โรคก็จะสงบ ไม่ควรตื่นตระหนก เพราะดูความรุนแรงของโรคแล้ว น่าจะอยู่ในระดับของไข้หวัดใหญ่ ไม่มีใครอยากป่วย ทุกคนจะต้องช่วยกันป้องกัน และลดการแพร่กระจายให้ช้าที่สุด เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ลดการตื่นตระหนก ลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะยังมาซึ่งความลำบากของประชาชนทุกคน หน้าที่ดังกล่าวจึงเป็นของคนทุกคนที่ต้องช่วยกัน(ไทยโพสต์ออนไลน์)

แน่นอน, สิ่งที่หลายคนเป็นห่วง ไม่น้อยไปกว่า “อนุทิน” ก็คือ การสร้างข่าว สร้างกระแสของข่าวปลอมนั่นเอง และยิ่งมีการนำเอามาขยายผลโจมตีกันทางการเมือง เล่นเกมการเมือง ดิสเครดิตการทำงานของรัฐบาล ก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ความรุนแรงของไวรัสโคโรนา ที่ไม่ต่างกับการเอาการเมืองมาเล่นกับชีวิตคนไทยอย่างน่าเศร้าที่สุด คิดดูให้ดีก็แล้วกัน!


กำลังโหลดความคิดเห็น