กิจกรรมอดิเรกของครอบครัวเราอย่างหนึ่งที่ทำร่วมกันเสมอตั้งแต่ลูกชายทั้งสองคนยังเล็กจนกระทั่งโต คือ การดูหนัง และการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลังจากดูหนัง เพียงแต่แตกต่างกันที่รูปแบบ สถานที่ และการโหวตว่าจะดูเรื่องอะไร ล่าสุดระหว่างที่เรามีกิจกรรมอดิเรกร่วมกันอีกครั้ง เจ้าลูกชายคนโต “สรวง สิทธิสมาน” ได้ไอเดียจากการเห็นพฤติกรรมการดูหนังร่วมกันของครอบครัว และถ่ายทอดออกมาเป็นบทความชิ้นนี้ให้ได้สร้างรอยยิ้ม…
………………
เป็นเรื่องดีเหมือนกันสำหรับตัวผมที่ไม่อยากออกจากบ้านไปเผชิญฝุ่น PM 2.5 เพราะระหว่างที่อยู่บ้านก็มี Netflix ให้ดูเพลิน ๆ แก้เบื่อ...
ก็ใช่ เป็นเรื่องจริงที่การมีอยู่ของบริการ Streaming Service ทำให้คนเราไม่อยากออกจากบ้านไปทำกิจกรรมอื่น เมื่ออยู่ในบ้านก็ไม่เป็นอันทำงาน เพราะติดซีรี่ย์ที่ดูค้างเอาไว้ไม่จบ บางคนติดหนักถึงขั้นอดหลับอดนอนในเวลากลางคืน ตื่นสายในตอนเช้า ไม่กินข้าวกินปลา ตารางเวลาชีวิตพัง นอนดูแต่ซีรี่ส์จนกลายเป็นคนเก็บตัว ขี้เกียจ สันหลังก็เริ่มจะยาว
แต่ถึงอย่างไร ผมก็ต้องยอมรับว่าติด Netflix เป็นอย่างมากในช่วงนี้ เพราะไม่อยากออกจากบ้านไปเจอฝุ่นบ่อย ๆ ประกอบกับตัวผมเป็นคนชอบดูหนังเป็นพื้นอยู่แล้ว
หากย้อนกลับไปตั้งแต่ยังไม่มี Netflix ตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวของผมจะมีวัฒนธรรมดูหนังร่วมกันอยู่เสมอ ทุก ๆ เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่ไปดูที่โรงภาพยนตร์ เราจะออกไปซื้อ/เช่าแผ่น DVD มาเก็บไว้ที่บ้าน และโหวต หรือผลัดกันเลือกหนังที่จะดูในสัปดาห์นั้น ๆ
พ่อผมเป็นคนดูภาพยนตร์ได้หลายแนว ทั้งแอคชั่น ดราม่า ประวัติศาสตร์ หรือภาพยนตร์รางวัล ยกเว้นหนังตลก Comedy ของทั้งไทยและต่างประเทศ พ่อผมจะเกลียดหนังตลกที่สุด แต่กลับกัน น้องชายผมจะชอบดูภาพยนตร์ตลกยิ่งกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะหนังตลกไทยประเภท 'หลวงพี่เท่ง' อะไรทำนองนั้น ส่วนแม่ผมจะชอบดูแต่ภาพยนตร์รางวัล หนังดี ๆ ที่สอนปรัชญาในชีวิต หรือไม่ก็หนังจีนกำลังภายใน มาถึงผม จะชอบดูหนังสงคราม หนังประวัติศาสตร์ หรือไม่ก็หนังบู๊ล้างผลาญที่ขายความเท่ของดาวบู๊พระเอก นอกจากนั้นก็พวกหนังคาวบอย
ในตอนเด็ก ๆ ผมจะเบื่อหนังที่แม่เอามาเปิดให้ดูที่สุด หนังรางวัลอะไร น่าเบื่อ 'Forest Gump' คืออะไร ไม่เห็นมีฉากต่อสู้เลย ฮ่าฮ่าา ผมก็จะหลับแทบทุกครั้ง แต่ถ้าครั้งไหนที่น้องผมได้เลือก พ่อผมก็จะคัดค้าน ไม่ดู แต่สุดท้ายก็ตามใจคุณชายคนเล็กอยู่ดี คุณพ่อก็จะเซ็ง ๆ จากนั้นก็จะเริ่มเคลิบเคลิ้มกับมุกตลกสุดฮาในหนัง แล้วก็ผล็อยหลับไปในที่สุด..
พอโตมาสไตล์การดูหนังของผมกับน้องชายก็จะเปลี่ยนไป ผมจะหันมาชอบดูหนังแนว Triller หนังหักมุม หนังเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ รวมทั้งหนังรางวัล และหนังซูเปอร์ฮีโร่รวมจักรวาล แต่จะไม่ชอบดูภาพยนตร์เกี่ยวกับความรัก ส่วนน้องผมก็ดูได้หมด แต่จะให้ความสนใจกับภาพยนตร์ฝีมือคนไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหนังจากค่าย GDH
ในตอนนี้มี Netflix อยู่ 1 แอคเคาท์ มีทีวีจอแบนแบบ 4k 64 นิ้วอยู่เครื่องหนึ่ง มีเก้าอี้โซฟาอยู่ 3 ตัว มีคนนั่งอยู่บนโซฟาเหล่านั้น 4 คน มีความคิดเห็นที่แตกต่างอยู่ 4 ความคิดเห็น แต่มีรายการภาพยนตร์และซีรี่ส์นับพันให้เลือกดู ตั้งแต่หนังเก่ารุ่นปู่ภาพขาวดำ ไปจนถึงซีรี่ส์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่น
ทำไมต้องมีทีวีเครื่องหลักเครื่องเดียว พ่อเล่าว่าแม่มี ‘ความเห็น’ ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านว่าไม่ควรมีทีวีหลายจุดเกินไปในบ้าน โดยเฉพาะห้องใครห้องมัน เพราะการดูทีวีควรเป็นกิจกรรรมร่วมกันของคนในครอบครัว เวลาอยู่บ้านก็ไม่มากนักอยู่แล้ว ขืนกลับมายังจอใครจอมันอีกจะไปกันใหญ่ ไม่ได้มี ‘เวลาร่วมกัน’ กันพอดี เรื่องนี้แม่ให้ความสำคัญมาก เช่นเดียวกับกฎการจำกัดเวลาเล่นเกมของผมกับน้อง กฎการไม่เล่นมือถือเวลาอาหาร และอื่น ๆ ไม่ต้องพูดถึงว่ากว่าผมกับน้องจะมีมือถือเป็นของตนเองก็ล่ากว่าเพื่อน ๆ เป็นปี ๆ
จริงๆ มันก็ไม่ต่างจากเมื่อก่อนมาก เพียงแต่เมื่อโตขึ้น ความเอาแต่ใจก็น้อยลง ผมกับน้องรับฟังและเปิดใจให้กับพ่อแม่มากขึ้นตามประสาคนโต ๆ กันแล้ว เราทั้งสี่นั่งอยู่บนโซฟาและชมภาพยนตร์ที่แต่ละคนเลือกกันอย่างตั้งใจ ไม่ว่าแม่ผมจะเปิดหนังรางวัล หรือหนังจำลองสถานการณ์จากความจริง ผมไม่ใช่แค่ไม่หลับ แต่ยังจะอินไปกับสิ่งที่สื่ออยู่ในภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ ด้วย เมื่อถึงคราวคุณพ่อเลือก เขาจะชอบเลือกภาพยนตร์อมตะในยุคก่อน ๆ มาให้ผมดู เช่น หนังมาเฟียเก่า ๆ อย่าง Goodfellas จากยุค 90s หรือบางทีก็เก่ากว่านั้น ซึ่งทั้งตัวผมและน้องชายก็ต่างดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอารมณ์ความคลาสสิค และศิลปะการถ่ายหนังชั้นยอดในระดับตำนานจากยุคที่เกิดไม่ทัน ซึ่งหากเทียบกับเมื่อก่อน น้องชายผมคงไม่อินกับภาพยนตร์ทำนองนี้
ล่าสุด น้องผมเสนอให้ดูซีรี่ส์ฝีมือคนไทยเรื่อง VOICE เป็นแนวฆาตกรรม/สืบสวน-สอบสวน ซึ่งตอนแรก ๆ ทุกคนก็ดูจะคัดค้าน ตัวผมก็มักจะตัดสินภาพยนตร์ซีรี่ส์ไทยด้วยแว่นตาของคำว่า "ละครหลังข่าว" ซึ่งไม่ใช่การตำหนินะครับ เพียงแต่เป็นภาพจำของละครไทยที่มีกรอบเดิม ๆ คาดเดาง่าย จึงไม่น่าตื่นเต้นสำหรับผมเท่านั้น แต่คราวนี้ต่างออกไป เรื่อง VOICE นี้ พ่อผมออกตัวก่อนเลยว่าจะไม่ดูนะ แต่พอเปิดตอนแรก
เท่านั้น...เรียบร้อย....ติดกันทั้งบ้าน ฮ่าฮ่าา ตลกดีครับ ถึงแม้ว่าตัวผมจะเคยชมภาพยนตร์ดี ๆ มามากมายนับไม่ถ้วนจนทำให้มาตรฐานการชมภาพยนตร์ค่อนข้างสูง แต่เรื่องนี้เหนือความคาดหมายจริง ๆ ถึงแม้จะมีดูไปติชมไปบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าซีรี่ส์ไทยมีการพัฒนาอยู่มากเลยทีเดียว
ที่พีคมากกว่านั้น มีครั้งหนึ่งที่ผมกลับมาถึงบ้าน แล้วเจออาม่าดูละคร 'ออเจ้า' อยู่ ผมถามอาม่าว่า เรื่องนี้กลับมาฉายซ้ำเหรอครับ ? อาม่าตอบกลับมาว่า เปล่า อันนี้ดูในเน็ตฟิก (Netflix) ผมนี่ปรบมือเลย อาม่าก็ดู Netflix ฮ่าฮ่าา... ด้วยความที่เรื่องนี้ดัง และผมก็ยังไม่เคยดู เลยนั่งลงที่โซฟาและดูไปพร้อมกับอาม่าสักหนึ่งตอน
อืมมม...ละครหลังข่าวบางเรื่องก็ไม่เลวเลยนะ..
Netflix อาจจะมีข้อเสียในหลาย ๆ ด้านก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีข้อดีอยู่ไม่น้อย นอกจากความบันเทิงจากรายการภาพยนตร์ซีรี่ส์ต่าง ๆ ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนรสนิยม แนวคิด และปรัชญาระหว่าง Generation ผู้ปกครองและคนรุ่นใหม่ เป็นการบริหารและฝึกฝนความเป็นประชาธิปไตยในครอบครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความสุข
แต่ก็ต้องระวัง สำหรับคนที่รู้ตัวว่าติด Netflix มาก ๆ ก็ต้องเพลาลงบ้าง ออกไปหากิจกรรมอื่นทำบ้าง (แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยง PM 2.5 นะ) สำหรับคนที่มีอคติ ก็ขอให้ลองเปิดใจ เพราะทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เมื่อมีดอยู่ในมือเรา เราจะเลือกนำไปหั่นผักหั่นผลไม้หรือนำไปฟันแทงชาวบ้านมันก็เป็นตัวเลือกของเรา
ส่วนตัวผม ผมมีความสุขมาก เมื่อทุกคนในครอบครัวนั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา และถกกันว่า
"วันนี้เราจะดูอะไรกันดี....
…..
อ้อ ผมต้องขอชี้แจงไว้ก่อนนะครับ ว่าทาง Netflix ไม่ได้จ่ายเงินให้ผมมาเขียนบทความนี้โปรโมทให้เขา ผมแค่จะเสนอมุมมองที่ผมได้จากการดู Netflix ร่วมกับครอบครัวเท่านั้นครับ