xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพบผู้ป่วย “โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่” รายแรกจากอู่ฮั่น ยันยังไม่ติดจากคนสู่คน ใช้มาตรการระดับสูงสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.แถลงไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นรายแรก หลังผลตรวจแล็บพบพันธุกรรมเชื้อตรงกัน ระบุมาด้วยอาการไข้สูง ปอดอักเสบไม่รุนแรง ล่าสุดอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ และอาการทางเดินหายใจแล้ว คาดกลับบ้านได้เร็วๆ นี้ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 16 รายตรวจไม่พบเชื้อเช่นกัน ยังไม่ได้เป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ส่วนติดเชื้อจากสัตว์อะไรและรุนแรงแค่ไหน ต้องรอ้อมูลจากจีน เหตุไทยเพิ่งมีผู้ป่วยจากจีนเข้ามารายแรก พร้อมยกระดับเข้มใช้มาตรการสูงสุด เฝ้าระวังเพิ่มช่วงตรุษจีน ด้าน WHO ย้ำต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

วันนี้ (13 ม.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่าจากกรณีการรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน สธ.มีการเฝ้าระวังตามระบบมาตรฐานโรคอุบัติใหม่ มีการคัดกรองผู้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นที่บินตรงลง 4 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3-12 ม.ค. 2562 รวม 58 เที่ยวบิน ผู้โดยสารและลูกเรือรวม 9,122 ราย พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวรโรค คือ มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ และมาจากพื้นที่ระบาด จำนวน 8 ราย นอกจากนี้ มีผู้ป่วยไปตรวจที่ รพ.เอกชน 3 ราย และมาตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร 1 ราย รวมทั้งหมด 12 ราย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างการติดตาม 40 ราย จากการให้การดูแลรักษาพบว่า ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล หายดีและกลับบ้านแล้ว 8 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วย 1 ราย เป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวร่วมกับญาติและเพื่อน ซึ่งคัดกรองได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่ามีอาการไข้สูง มีอาการทางเดินหายใจ จึงแยกตัวมาออกมายังสถาบันบำราศฯ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ออกมาพบว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวเดียวกับที่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ถือเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ แต่เป็นที่น่ายินดีที่ผู้ป่วยรายนี้หลักให้การรักษาแล้ว ไม่มีไข้และอาการทางเดินหายใจแล้ว รอผลตรวจทางการแพทย์อีก 2-3 ขั้นตอน ก็คาดว่าน่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลและเดินทางกลับประเทศได้ ส่วนผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้จำนวน 16 คน ที่เดินทางมาด้วยกัน ผลตรวจแล็บไม่พบไวรัสดังกล่าว


นายอนุทินกล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากประเทศจีนพบว่า มีผู้ป่วยอาการปอดอักเสบ 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทุกรายมีประวัติสัมผัสตลาดค้าสัตว์และอาหารทะเลแหล่งใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น โดยเป็นคนงานหรือคนซื้ออาหารดังกล่าว และไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน ตนจึงสั่งการให้ สธ.ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ให้คำแนะนำชาวจีนขณะพักในไทยอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าเรามีความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการเฝ้าระวังแนวทางการแพร่ระบาด สามารถเฝ้าระวังคัดกรองคัดแยกผู้ป่วย และเฝ้าระวังวินิจฉัย ดูแลรักษาที่ รพ.ทั้งรัฐและเอกชน ในชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทั้งนี้ ได้เรียนเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็สั่งการให้นโยบายว่าต้องแถลงข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย

“ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างดี ต่อให้เจอก็สามารถรักษาและควบคุมการแพร่กระจายได้อย่างแน่นอน ประชาชน นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ยังสามารถเดินทางไปประเทศจีนได้ตามปกติ ไม่มีจำกัดการเดินทาง สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงสถานที่สุ่มเสี่ยง เช่น ตลาดขายซากสัตว์ป่า หรือสถานที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่าใกล้ชิดผู้ป่วย ไอจามมีน้ำมูก ล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารปรุงสุก ขอให้ใช้ชีวิตปกติ ส่วนผู้เดินทางมาจากอู่ฮั่น ภายใน 14 วัน เมื่อมีอาการไข้ ไอ จาม คัดจมูก ปวดหัวตัวร้อน ขอให้สันนิษฐานคิดเลยไว้ก่อน และมาที่สถาบันบำราศฯ ประชาชนที่มีข้อสงสัยโทร.มาได้ที่ 1422 และสั่งการให้กรมควบคุมโรคให้เพิ่มจำนวนคู่สายให้พร้อม เพิ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้โรคเหล่านี้” นายอนุทินกล่าว


นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.กล่าวว่า การพบผู้ป่วยรายนี้แสดงว่าระบบของเรามีความมั่นคงและไว้วางใจได้ พบคนน่าสงสัยและนำเข้ามาสอบสวนโรค เราเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาโรงพยาบาลทั่งประเทศ โดยกรมการแพทย์ และรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้มาตรการสูงสุด เตรียมพร้อมห้องแยกโรคความดันลบทั้งหมดของทุกโรงพยาบาลสังกัด สธ. และทีมส่งผู้ป่วยก็มีความพร้อมดำเนินการทั่วประเทศ และประสาน รพ.เอกชนอย่างใกล้ชิด และย้ำกินร้อนช้อนกลางล้างมือ กินอาหารสุก ช่วยลดความเสี่ยงได้ เพราะโคโรนาไวรัสถ้าล้างมือบ่อยๆ ก็ลดการติดของเชื้อนี้ได้ และมีการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินสาธารณสุขโดยใช้ระดับ 3 คือ ระดับสูงสุด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นเชื้อไวรัสตัวใหม่จึงต้องตรวจในแล็บที่มีความปลอดภัยสูงสุด คือ ระดับ 3 ที่กรมวิทย์และศูนย์โรคติดต่ออุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งจากการตรวจพบว่าเป็นเชื้อโคโรนาไวรัส แต่ไม่เหมือนกับเชื้อที่เราเคยรู้จัก คือ ซาร์ส และเมอร์ส จึงใช้วิธีตรวจหาสารพันธุกรรมทั้งตัวของไวรัส โดยใช้วิธีการดูยีนว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วไปเทียบกับสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสตัวนี้ของจีนที่เผยแพร่ออกมา ก็พบว่าตรงกันเป็นเชื้อที่ระบาดอู่ฮั่น สำหรับการตรวจใช้เวลาไม่นานประมาณ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ เราพัฒนาให้แล็บทั่วๆ ไปตรวจได้ด้วย

เมื่อถามว่าเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้มีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด รักษายากกว่าเชื้อโคโรนาสายพันธุ์อื่นหรือไม่ นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวว่า เชื้อกลุ่มนี้เจอบ่อยคือเป็นไข้หวัด แต่ตัวรุ่นใหม่ที่มาจากสัตว์นั้น เช่น ซาร์ส และเมอร์ส แต่ละตัวยังไม่มียาเฉพาะในการรักษาและก่อความรุนแรงของโรคต่างกัน ซึ่งโรคจะรุนแรงในกรณีผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว อาจไม่รุนแรงในกลุ่มเด็กและคนมีร่างกายแข็งแรง เพราะร่างกายอ่อนแอจะจัดการได้รวดเร็วและรุนแรง โดยเชื้อตัวนี้ทราบเคสครั้งแรกที่จีนเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เรายังตอบอะไรไม่ได้มาก แต่มีคนไข้รุนแรงที่จีน 7 คน เสียชีวิต 1 คน เคสที่ไทยเป็นปอดอักเสบแต่ค่อนข้างอ่อน และตอนนี้อาการดีและคงที่ ส่วนสัตว์ที่มักมีเชื้อโคโรนาไวรัสคือค้างคาว ซึ่งเป้นสัตว์ที่มีเชื้อที่เราไม่รู้จักอีกมาก แต่ต้องรอข้อมูลที่จะเปิดเผยจากจีน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการยกระดับศูนย์ปฏิบัติการเป็นระดับ 3 ก็จะมีการเฝ้าระวังที่ด่าน ชุมชน และโรงพยาบาล เตรียมพร้อสถานพยาบาลต่างๆ ภาครัฐทั้งในและนอก สธ. รพ.เอกชน ความพร้อมของด่าน ยิ่งใกล้ตรุษจีนที่จะมีการเดินทางไปมาระหว่างไทยจีน โดยเฉพาะอู่ฮั่น ซึ่งยังไม่มีข้อแนะนำห้ามการเดินทาง มีแต่เรื่องปฏิบัติตัว ไม่ว่าจะมาจากอู่ฮั่น หรือไทยไปอู่ฮั่น ให้ปฏิบัติตามเคร่งครัด และเพิ่มการเฝ้าระวังที่ด่านสนามบินที่มีการบินตรงเพิ่ม คือ กระบี่และอู่ตะเภา

นายแดเนียล เคอร์เทซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ป่วยรายนี้หายเร็วและไม่เข้าขั้นวิกฤต โดยไทยถือว่ามีระบบการรักษาและควบคุมโรคที่ดี ขอให้ไทยแชร์ข้อมูลสถานการณ์นี้กับ WHO มากที่สุด เพื่อนำไปศึกษาและแชร์กับ WHO ทั่วโลก เชื้อโรคเดินทางเร็วมาก การเตรียมพร้อมสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ประเทศไทยก็รับมือได้อย่างเต็มที่ โดยจะช่วยหาข้อมูลจากทั่วโลกมาเสริมให้ไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน ย้ำการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเป็นเรื่องสำคัญ




กำลังโหลดความคิดเห็น