ผู้จัดการรายวัน360-"อนุทิน"แถลงข่าวด่วน ไทยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากอู่ฮั่นรายแรก หลังเฝ้าระวังเข้ม เผยพบผู้ติดเชื้อมาด้วยอาการไข้สูง ปอดอักเสบไม่รุนแรง ล่าสุดอาการดีขึ้นแล้ว คาดกลับบ้านได้เร็วๆ นี้ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด 16 ราย ไม่พบเชื้อ ยันไม่ติดต่อจากคนสู่คน ขอให้เบาใจได้ พร้อมยกระดับคุมเข้มช่วงตรุษจีนที่จะมีการเดินทางกันมาก เพิ่มด่านตรวจอีก 2 แห่ง กระบี่และอู่ตะเภา ด้าน WHO ชมไทยคุมโรคได้ดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนากยรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยในการแถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่า จากการติดตาม เฝ้าระวัง และคัดกรองผู้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นที่บินตรงลง 4 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 3-12 ม.ค.2562 รวม 58 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 9,122 ราย พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค คือ มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ และมาจากพื้นที่ระบาด จำนวน 8 ราย และมีผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน 3 ราย มาตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร 1 ราย รวมทั้งหมด 12 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างการติดตาม 40 ราย ซึ่งผลผลการตรวจรักษาส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยหายดีและกลับบ้านแล้ว 8 ราย แต่มีผู้ป่วย 1 ราย เป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวร่วมกับญาติและเพื่อน ซึ่งคัดกรองได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า มีอาการไข้สูง มีอาการทางเดินหายใจ จึงแยกตัวมาออกมายังสถาบันบำราศฯ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ออกมาพบว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวเดียวกับที่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น เป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ โดยเป็นที่น่ายินดีที่ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาแล้ว ไม่มีไข้ และอาการทางเดินหายใจแล้ว รอผลตรวจทางการแพทย์อีก 2-3 ขั้นตอน คาดว่าน่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลและเดินทางกลับประเทศได้ ส่วนผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้จำนวน 16 คน ที่เดินทางมาด้วยกัน ผลตรวจแล็บไม่พบไวรัสดังกล่าว
"ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างดี ต่อให้เจอ ก็สามารถรักษาและควบคุมการแพร่กระจายได้อย่างแน่นอน ประชาชน นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ยังสามารถเดินทางไปจีนได้ตามปกติ ไม่มีจำกัดการเดินทาง สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงสถานที่สุ่มเสี่ยง เช่น ตลาดขายซากสัตว์ป่า หรือสถานที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่าใกล้ชิดผู้ป่วย ไอจามมีน้ำมูก ล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารปรุงสุก ขอให้ใช้ชีวิตปกติ ส่วนผู้เดินทางมาจากอู่ฮั่น ภายใน 14 วัน เมื่อมีอาการไข้ ไอ จาม คัดจมูก ปวดหัวตัวร้อน ขอให้สันนิษฐานคิดเลยไว้ก่อน และมาที่สถาบันบำราศฯ หรือหากที่มีข้อสงสัยโทรมาได้ที่ 1422 โดยได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเพิ่มจำนวนคู่สายให้พร้อม เพิ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้โรคเหล่านี้ไว้ให้บริการด้วย"นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ มีข้อมูลเบื้องต้นจากจีน พบว่า มีผู้ป่วยอาการปอดอักเสบ 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทุกรายมีประวัติสัมผัสตลาดค้าสัตว์และอาหารทะเลแหล่งใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น โดยเป็นคนงานหรือคนซื้ออาหารดังกล่าว และไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและควบคุมโรค รวมทั้งให้คำแนะนำชาวจีนขณะพักในไทยอย่างใกล้ชิดแล้ว พร้อมกับได้นำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สั่งการให้นโยบายว่าต้องแถลงข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การตรวจพบผู้ป่วยรายนี้ แสดงว่าระบบของไทยมีความมั่นคงและไว้วางใจได้ เมื่อพบคนน่าสงสัยและได้นำเข้ามาสอบสวนโรค และปัจจุบันยังได้เตรียมความพร้อมให้มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำปรึกษาโรงพยาบาลทั่งประเทศ หากตรวจพบเจอผู้ป่วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ยิ่งใกล้ตรุษจีน ต้องมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้น เพราะจะมีการเดินทางไปมาระหว่างไทยจีน โดยเฉพาะอู่ฮั่น ซึ่งยังไม่มีข้อแนะนำห้ามการเดินทาง มีแต่เรื่องปฏิบัติตัว ไม่ว่าจะมาจากอู่ฮั่น หรือไทยไปอู่ฮั่น ให้ปฏิบัติตามเคร่งครัด และเพิ่มการเฝ้าระวังที่ด่านสนามบินที่มีการบินตรงเพิ่ม คือ กระบี่และอู่ตะเภา
นายแดเนียล เคอร์เทซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ป่วยรายนี้หายเร็วและไม่เข้าขั้นวิกฤต โดยไทยถือว่ามีระบบการรักษาและควบคุมโรคที่ดี ขอให้ไทยแชร์ข้อมูลสถานการณ์นี้กับ WHO มากที่สุด เพื่อนำไปศึกษาและแชร์กับ WHO ทั่วโลก เพราะเชื้อโรคเดินทางเร็วมาก การเตรียมพร้อมสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ประเทศไทยถือว่ารับมือได้อย่างเต็มที่ โดยจะช่วยหาข้อมูลจากทั่วโลกมาเสริมให้ไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบมีการติดต่อจากคนสู่คน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนากยรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยในการแถลงข่าวมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ว่า จากการติดตาม เฝ้าระวัง และคัดกรองผู้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นที่บินตรงลง 4 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 3-12 ม.ค.2562 รวม 58 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 9,122 ราย พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค คือ มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ และมาจากพื้นที่ระบาด จำนวน 8 ราย และมีผู้ป่วยไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน 3 ราย มาตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร 1 ราย รวมทั้งหมด 12 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่ระหว่างการติดตาม 40 ราย ซึ่งผลผลการตรวจรักษาส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล โดยหายดีและกลับบ้านแล้ว 8 ราย แต่มีผู้ป่วย 1 ราย เป็นหญิงชาวจีน อายุ 61 ปี เดินทางมาท่องเที่ยวร่วมกับญาติและเพื่อน ซึ่งคัดกรองได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า มีอาการไข้สูง มีอาการทางเดินหายใจ จึงแยกตัวมาออกมายังสถาบันบำราศฯ ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ออกมาพบว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวเดียวกับที่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น เป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ โดยเป็นที่น่ายินดีที่ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาแล้ว ไม่มีไข้ และอาการทางเดินหายใจแล้ว รอผลตรวจทางการแพทย์อีก 2-3 ขั้นตอน คาดว่าน่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลและเดินทางกลับประเทศได้ ส่วนผู้สัมผัสที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายนี้จำนวน 16 คน ที่เดินทางมาด้วยกัน ผลตรวจแล็บไม่พบไวรัสดังกล่าว
"ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างดี ต่อให้เจอ ก็สามารถรักษาและควบคุมการแพร่กระจายได้อย่างแน่นอน ประชาชน นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ยังสามารถเดินทางไปจีนได้ตามปกติ ไม่มีจำกัดการเดินทาง สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงสถานที่สุ่มเสี่ยง เช่น ตลาดขายซากสัตว์ป่า หรือสถานที่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่าใกล้ชิดผู้ป่วย ไอจามมีน้ำมูก ล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารปรุงสุก ขอให้ใช้ชีวิตปกติ ส่วนผู้เดินทางมาจากอู่ฮั่น ภายใน 14 วัน เมื่อมีอาการไข้ ไอ จาม คัดจมูก ปวดหัวตัวร้อน ขอให้สันนิษฐานคิดเลยไว้ก่อน และมาที่สถาบันบำราศฯ หรือหากที่มีข้อสงสัยโทรมาได้ที่ 1422 โดยได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคเพิ่มจำนวนคู่สายให้พร้อม เพิ่มแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้โรคเหล่านี้ไว้ให้บริการด้วย"นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ มีข้อมูลเบื้องต้นจากจีน พบว่า มีผู้ป่วยอาการปอดอักเสบ 59 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทุกรายมีประวัติสัมผัสตลาดค้าสัตว์และอาหารทะเลแหล่งใหญ่ในเมืองอู่ฮั่น โดยเป็นคนงานหรือคนซื้ออาหารดังกล่าว และไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและควบคุมโรค รวมทั้งให้คำแนะนำชาวจีนขณะพักในไทยอย่างใกล้ชิดแล้ว พร้อมกับได้นำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สั่งการให้นโยบายว่าต้องแถลงข้อมูลที่เป็นความจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การตรวจพบผู้ป่วยรายนี้ แสดงว่าระบบของไทยมีความมั่นคงและไว้วางใจได้ เมื่อพบคนน่าสงสัยและได้นำเข้ามาสอบสวนโรค และปัจจุบันยังได้เตรียมความพร้อมให้มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำปรึกษาโรงพยาบาลทั่งประเทศ หากตรวจพบเจอผู้ป่วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ยิ่งใกล้ตรุษจีน ต้องมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้น เพราะจะมีการเดินทางไปมาระหว่างไทยจีน โดยเฉพาะอู่ฮั่น ซึ่งยังไม่มีข้อแนะนำห้ามการเดินทาง มีแต่เรื่องปฏิบัติตัว ไม่ว่าจะมาจากอู่ฮั่น หรือไทยไปอู่ฮั่น ให้ปฏิบัติตามเคร่งครัด และเพิ่มการเฝ้าระวังที่ด่านสนามบินที่มีการบินตรงเพิ่ม คือ กระบี่และอู่ตะเภา
นายแดเนียล เคอร์เทซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ดีใจที่ผู้ป่วยรายนี้หายเร็วและไม่เข้าขั้นวิกฤต โดยไทยถือว่ามีระบบการรักษาและควบคุมโรคที่ดี ขอให้ไทยแชร์ข้อมูลสถานการณ์นี้กับ WHO มากที่สุด เพื่อนำไปศึกษาและแชร์กับ WHO ทั่วโลก เพราะเชื้อโรคเดินทางเร็วมาก การเตรียมพร้อมสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ประเทศไทยถือว่ารับมือได้อย่างเต็มที่ โดยจะช่วยหาข้อมูลจากทั่วโลกมาเสริมให้ไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบมีการติดต่อจากคนสู่คน
