สธ.เร่งขับเคลื่อน 8 เรื่อง ลดอุบัติเหตุทางถนน ห่วงไทยตายปีละ 2.2 หมื่นกว่าราย สูงอันดับ 9 ของโลก ขณะที่ กทม.ตายมากสุดในประเทศ ด้าน "บิ๊กวิน" ประกาศนโยบายมหานครความปลอดภัยทางถนน เดินหน้า 4 มาตรการหลัก ย้ำสวมหมวกกันน็อก เมาไม่ขับ ไม่แข่งขับรถ หากจะแข่งให้ไปสนามแข่งบุรีรัมย์ มีเงินรางวัล เผยอุบัติเหตุ 90% มาจาก จยย.
วันนี้ (23 ธ.ค.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา เรื่อง บูรณาการงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกับการป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนน โดยภายในงาน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ประกาศนโยบาย "มหานครความปลอดภัย ปลอดอุบัติภัยทางถนน" ว่า ประเทศไทยมีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยเฉพาะกลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานถูกคร่าชีวิตมากที่สุด นำมาซึ่งความสูญเสียทรัพยากรบุคคล ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของเมืองอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเป็นมหานครที่มีความหลากหลาย ถือเป็นความท้าทายในการแก้ไขปัญหา
กทม.ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงมีนโยบายแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลประชาชนให้มีความปลอดภัยในการเดินทาง โดยพัฒนา กทม.ให้เป็นต้นแบบของมหานครแห่งความปลอดภัยของโลก โดยเฉพาะความปลอดภัยทางถนน มีการดำเนินงาน คือ 1.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประโยชน์ในการจัดลำดับความเสี่ยง ปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ เช่น ผู้ขับขี่ ถนน ยานพาหนะ มลภาวะ เช่น PM 2.5 2.สนับสนุนภาครัฐ เอกชน ประชาชน มีส่วนร่วมพิจารณาปัจจัยความเสีย่ง เพื่อแก้ปัญหารอบด้าน 3.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในระดับเขต ทุกๆ เขต ทั้งกระบวนการร่วมคิด ทำ ประเมินผล เพื่อแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ โดยสามารถประสานขอการสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพกทม. 4.สร้างการเดินทางอย่างปลอดภัยที่ยั่งยืน ส่งเสริมการปลอดภัยต่อผู้เดินทาง โดยเฉพาะเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ คนพิการ คนขับจักรยาน และจักรยานยนต์ ซึ่งเผชิญกับความเสี่ยงบนถนนมากกว่ากลุ่มอื่น โดยจะต้องดำเนินการควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการจราจร สร้างทางเลือกการเดินทาง จัดระเบียบพื้นที่ให้ผู้ใช้ถนน ทางเท้า ทางม้าลาย ใช้ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยไม่กระทบการเดินทาง การใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น กล้องซีซีทีวี เป็นเครื่องมือเพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อเนื่อง พร้อมแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม ตามกลไกของสมาร์ทซิตี ซึ่งหลายประเทศทำสำเร็จแล้ว
นายสาธิต กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวืตจากอุบัติเหตุทางถนนกว่า 22,000 รายต่อปี โดยใน 15 ปียอดสะสมมากถึง 4 แสนคน จัดเป็นอันดับ 9 ของโลก แม้จะลดลงจากอันดับ 2 ของโลกก็ตาม แต่ก็ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ กทม.ที่มีผู้เสียชีวิตทางถนนเป็นอันดับ 1 ของประเทศ 6 ปีซ้อน สร้างความสูญเสียทางเศรษญกิตถึง 2.32 แสนล้านบาท สำหรับสาเหตุหลักๆ ของอุบัติเหตุ มีทั้งการไม่สวมหมวกกันน็อก จุดเสี่ยง การดื่ม เมาแล้วขับ ซึ่งต้องเอาข้อมูลเหล่านี้ไปดำเนินการรณรงค์ ซึ่งจุดสำคัญที่สุด คือ ประชาชนที่จะต้องมีจิตสำนึก มีสติ เข้าใจผลร้ายของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยเพาะอย่างยิ่งหากเกิดกับคนในครอบครัวตัวเองจัะรู้สึกอย่างไร ดังนั้น หากจะสนุกก็ต้องคิดนิดหนึ่งก่อน ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งทางภาครัฐเองทั้ง สธ.และกระทรวงมหาดไทย ก็พร้อมรณรงค์ขับเคลื่อนใน 8 เรื่อง คือ 1.ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 2.ลดพฤติกรรมเมาแล้วขับ 3.แก้ไขปัญหาจุดเสี่ยง 4.ปรับพฤติกรรมผู้ขับขี่ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด 5.ยกมาตรฐานยานพาหนะ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ รถกระบะ รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุก 6.พัฒนาสมรรถนะผู้ใช้รถใช้ถนน 7.พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้เข้าถึงผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว และ 8.พัฒนาระบบบริหารจัดการ นอกจากนี อาจจะลงลึกถึงบางกลุ่มเฉพาะ เช่น นักศึกษาอาชีวะ ที่พบตัวเลขว่า เมาแล้วขับเสียชีวิตมากที่สุด ก็ต้องไปรณรงค์เพิ่มเติม ไม่ให้การเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ก็หวังว่าปีนี้จะลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า การเกิดอุบัติเหตุใน กทม.มีความแตกต่างจากต่างจังหวัดอย่างไร พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่ 90% เกิดจากรถจักรยานยนต์ ส่วนรถใหญ่ๆ อย่างรถเมล์ รถบรรทุก ไม่ค่อยมีเหตุ เพราะรถเยอะ ขับเร็วไม่ได้ มีแต่รถจักรยานยนต์ขับเร็ว แทรกไปมา อุบัติเหตุเกิดจากรถจักรยานยนต์ ถามต่อว่า กม.เกิดอุบัติเหตุรถสาธารณะบ่อยขึ้น พล.ต.อ.อัศวิน ระบุว่า เกิดขึ้นน้อย ยืนยันว่าส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์ไม่ค่อยมี ส่วนรถเมล์สายตำนานต่างๆ ที่ขับแข่งกัน ชนกัน กระเป็ารถเมล์ลงมาชกมาจบกัย ก็รู้ๆ อยู่ว่ามีไม่กี่สาย น้อยมาก
เมื่อถามว่า ช่วงปีใหม่ถนน กทม.โล่งขึ้น อาจมีการขับรถเร็ว แข่งกัน จนเกิดอุบัติเหตุ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ตอนนี้ก็เตือนทุกวันว่า ขับขี่อย่าเร็ว เมาอย่าขับ เมื่อก่อนมีการปิดถนนแข่งกลางคืน เสียชีวิตกันเยอะ ต้องฝากไปด้วยว่า ถ้าสวมหมวกจะป้องกันได้เยอะมาก ประเทศเราไม่ค่อยใส่หมวกกันน็อกกัน ถ้าสวมเมื่อเกิดอุบัติเหตุโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อาจบรรเทาเบาบางได้ ฝากด้วยว่าใส่หมวกกันน็อก เมาอย่าขับ แล้วอย่าไปแข่งรถ แต่ไปบุรีรัมย์ สนามแข่งมี ได้เงินด้วย แข่งที่นี่มีแต่เสีย พ่อแม่เสียน้ำตา เสียโลงศพ
ถามต่อถึงกรณีการจัดลานเบียร์ ดึงดูดคนดื่มช่วงสิ้นปี ทำให้เกิดเมาแล้วขับเสี่ยงอุบัติเหตุมากขึ้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า เรื่องหลักๆ คือ คนขับขี่ขอให้รักษากฎกติกาสังคม อย่าไปแหกกฎทำลายสถิติเขา อย่างไรก็ตาม ก็จะตรวจสอบลานเบียร์ด้วย เพื่อไม่ให้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551