สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ เสด็จฯเยี่ยมหน่วยบริการเคลื่อนที่ทำหมันสัตว์เลี้ยงประชาชน พร้อมทรงตรวจและวางยาสลบแก่สุนัข และให้ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าแก่ประชาชนที่มารอรับบริการ
วันนี้ (21 ก.ค.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯไปทรงเยี่ยมการออกหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อทำหมันสัตว์เลี้ยงของประชาชน ในกิจกรรม กทม.เติมความสุข สู่ชุมชน เพื่อขับเคลื่อนโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อชุมชนอยู่ดีมีสุข ในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ โอกาสนี้ทรงร่วมกับทีมสัตวแพทย์ในโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในการผ่าตัดทำหมันแก่สุนัข ทรงตรวจและทรงวางยาสลบแก่สุนัข รวมทั้งทรงให้ความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าแก่ประชาชนที่มารอรับบริการด้วย โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมรับเสด็จฯ ณ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนท์ เขตบางคอแหลม
ด้วยพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ต่อพสกนิกรชาวไทยที่มีพระประสงค์ให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นกรรมการ โดยตั้งเป้าให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากกรุงเทพมหานครภายในปี 2563 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักอนามัย และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ร่วมดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์และขอความร่วมมือจากชุมชนเพื่อเก็บข้อมูลและวางแผนดำเนินการ
สำหรับสถานที่รองรับสุนัขปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร เขตประเวศ รองรับสุนัขได้ 1,000 ตัว และศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดกรุงเทพมหานคร อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี รองรับสุนัขได้ 8,000 ตัว โดยขณะนี้มีแผนพัฒนาปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร เขตประเวศ เพื่อปรับปรุงคอกแรกรับและการปรับปรุงราง ท่อระบายน้ำ และการบำบัดน้ำเสีย ให้มีความสะอาดปลอดโรคติดต่อและเพียงพอต่อการรองรับสุนัข รวมถึงการก่อสร้างคอกเลี้ยงแมว โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาศูนย์ดังกล่าวให้เป็นศูนย์พักพิงต้นแบบในการดำเนินการโครงการนี้ต่อไป
สำหรับกิจกรรม “กทม. เติมความสุข สู่ชุมชน” กรุงเทพมหานคร กำหนดจัดขึ้น โดยบูรณาการงานบริการหน่วยงานต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ไปให้บริการแก่ชาวชุมชนทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง หมุนเวียนไปตามกลุ่มเขต ทั้ง 6 กลุ่มเขต ซึ่งครั้งนี้เป็นกิจกรรมครั้งที่ 11 กำหนดจัดในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพใต้ คือ เขตปทุมวัน บางรัก สาทร บางคอแหลม ยานนาวา คลองเตย วัฒนา พระโขนง สวนหลวง บางนา โดยมีกิจกรรมต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ประกอบด้วย การบริการด้านทะเบียนราษฎร บริการด้านสุขภาพโดยหน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ อาทิ ตรวจคัดกรองโรค ตรวจรักษาฟัน ตรวจสายตา ตรวจการได้ยินเพื่อรับเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้สูงอายุ ตรวจมะเร็งสตรี ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ พบจิตแพทย์คลายเครียด บริการฝึกอาชีพระยะสั้น บริการตัดผมฟรี การจำหน่ายของดีชุมชนและสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิต ซึ่งประชาชนสามารถเข้ารับบริการได้ทุกบริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่สัตว์เลี้ยง ทำหมันสุนัขและแมว จดทะเบียนสุนัขและฝังไมโครชิป การให้ความรู้เกี่ยวกับงูและวิธีเอาตัวรอดจากงู รวมทั้งมีกิจกรรมการแสดงบนเวที โดยสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว การแสดงของเด็กและเยาวชนในพื้นที่
นอกจากนี้ มูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชนในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ให้การสนับสนุนแว่นสายตายาวสำหรับผู้สูงอายุ มูลนิธินายช่างไทยใจอาสา วิศวกรอาสา สถาปนิกอาสา และนายช่างอาสา ออกบูธให้ความรู้ ชี้แนะ การตรวจสอบบ้าน เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและการป้องกันอัคคีภัยภายในบ้าน รวมทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมออกบูธ ให้บริการตรวจสอบสิทธิให้แก่ประชาชนด้วย สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ คือ กิจกรรม “ชุมชนคุยกับผู้ว่าฯ อัศวิน” โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ได้นำเสนอปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของชุมชน พร้อมร่วมแสดงความความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหาร โดยจะมีหน่วยงานของกรุงเทพมหานครร่วมชี้แจงและไขข้อข้องใจของประชาชนทันที แต่หากไม่สามารถดำเนินการแก้เองได้ จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขต่อไป
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมาก ซึ่งครั้งที่แล้วจัดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เขตบางเขน มีประชาชนมาร่วมกิจกรรมและรับบริการต่างๆ มากถึง 13,000 คน ทำให้การจัดกิจกรรมครั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเครื่องมือสำหรับบริการประชาชนเพิ่มขึ้น และในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป ทางกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งประสงค์ขอร่วมนำจัดกิจกรรมเสริมมาให้บริการประชาชนร่วมกับกรุงเทพมหานครด้วย สำหรับการจัดกิจกรรม กทม. เติมสุขสู่ชุมชนฯ นั้น คณะผู้บริหารของกรุงเทพมหานครต้องการมาพบปะและสัมผัสกับประชาชน ด้วยการยกทัพหน่วยงานและข้าราชการมาให้บริการด้านต่างๆ แก่ประชาชนในวันหยุด ซึ่งประชาชนไม่ต้องเดินทางไปหาเจ้าหน้าที่ ช่วยให้กรุงเทพมหานครสามารถเข้าถึงปัญหาของชุมชนที่มีมากกว่า 2,000 ชุมชน ในพื้นที่ และกรุงเทพมหานครจะได้นำปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนมาแก้ไขต่อไป