พบตายจากโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มอีก 2 ราย ที่บุรีรัมย์ และระยอง ทำยอดตายรวมปี 61 เพิ่มเป็น 14 รายแล้ว สูงกว่าปี 60 ที่พบเพียง 11 ราย อธิบดี คร.ชี้ ถูกข่วน กัด แล้วไม่ล้างแผล ไม่พบแพทย์ฉีดวัคซีนป้องกัน เผยบางคนเชื่อวิธีรักษาโดยหมอชาวบ้านเป่าแผล
วันนี้ (23 ก.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าของประเทศไทยขณะนี้ พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรายแรกเป็นชาย อายุ 19 ปี จ.บุรีรัมย์ มีประวัติถูกสุนัขกัดบริเวณหน้าอกและหัวไหล่ด้านซ้าย เมื่อ เม.ย. 2561 หลังถูกกัดไม่ได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนรายที่สองเป็นหญิง อายุ 55 ปี ใน จ.ระยอง โดยก่อนเข้าโรงพยาบาลมีประวัติถูกสุนัขจรจัดไม่มีประวัติฉีดวัคซีนกัดบริเวณแขนขวา ตั้งแต่ ม.ค. 2561 ไม่ได้ล้างแผล ไม่ได้ไปพบแพทย์ และไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตยังมีความเชื่อเรื่องการรักษาแบบพื้นบ้าน จึงไปหาหมอชาวบ้านเพื่อเป่าแผลที่ถูกกัดเท่านั้น ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมในปี 2561 เพิ่มเป็น 14 ราย ใน 12 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ และ ระยอง จังหวัดละ 2 ราย สุรินทร์ สงขลา ตรัง นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง หนองคาย ยโสธร กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร จังหวัดละ 1 ราย
“ผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในปี 2561 สาเหตุการเสียชีวิตยังเกิดจากการไม่ไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรค เนื่องจากคิดว่าแผลเล็กน้อย หรือโดนกัด ข่วนนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีน จนกระทั่งแสดงอาการ แต่ก็สายเกินแก้ไข เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด สิ่งที่น่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ คือ ประชาชนยังมีความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าที่ผิดๆ เช่น โรคพิษสุนัขบ้าสามารถรักษาให้หายได้ โรคพิษสุนัขบ้าไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เมื่อถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัดหรือข่วน แล้วใช้สมุนไพรพอกหรือใช้รองเท้าตบแผล ให้หมอชาวบ้านเป่าแผล หรือแม้แต่เข้าพิธีกรรมแล้วจะไม่ทำให้เสียชีวิต เป็นต้น ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้น” อธิบดี คร. กล่าว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า หากถูกสุนัข แมวกัด ข่วน หรือเลียบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ทันทีหลายๆ ครั้ง นานประมาณ 10 นาที และใส่ยาเบตาดีน เพื่อลดการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จากนั้นรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยการรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากฉีดวัคซีนแล้วควรไปตามนัดทุกครั้ง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนยึดหลัก “คาถา 5 ย.” ได้แก่ 1.อย่าเหยียบ บริเวณลำตัว ขา หรือหางของสัตว์ 2.อย่าแยก สัตว์ที่กำลังกัดกัน 3.อย่าแหย่ สัตว์เพราะอาจโดนข่วนหรือกัดได้ 4.อย่าหยิบ อาหารขณะสัตว์กำลังกิน 5.อย่ายุ่ง กับสัตว์ที่ไม่รู้จักคุ้นเคย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการรับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ หากเคยถูกสัตว์เลี้ยงกัดหรือข่วนนานแล้ว แม้ว่ารอยแผลจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แล้วไม่ได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ขอให้ท่านไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัย เนื่องจากระยะฟักตัวของโรค ตั้งแต่ได้รับเชื้อจนมีอาการป่วยอาจสั้นมากตั้งแต่ 1 สัปดาห์หรืออาจนานถึง 1 ปีได้