xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ด สปสช.เห็นชอบหลักเกณฑ์บริหารกองทุนบัตรทองปี 62

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บอร์ด สปสช.เห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์กองทุนบัตรทอง ปี 62 เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ พร้อมเพิ่ม 3 สิทธิประโยชน์ วัคซีนรวม 5 โรค ยาป้องกันถ่ายทอดเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และยารักษาโรคหลอดเลือดตาในจอตาอุดตัน

วันนี้ (2 ก.ค.) ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธาน มีวาระการพิจารณาหลักเกณฑ์การบริหารจัดการงบประมาณ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2562 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2562

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ตามที่ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2562 จำนวน 181,584,093,700 บาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 อนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน ได้รับมอบและจัดทำข้อเสนองบประมาณเพื่อดำเนินงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังนี้ 1.บริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว จำนวน 166,445.22 ล้านบาท ดูแลประชากร 48.57 ล้านคน เฉลี่ย 3,426.56 บาท/ประชากร โดยเป็นงบประมาณหลังหักเงินเดือนภาครัฐ จำนวน 119,130.26 ล้านบาท 2.บริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ จำนวน 3,046.31 ล้านบาท 3.บริการสาธารณสุขผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำนวน 8,281.79 ล้านบาท 4.บริการสาธาณสุขเพื่อควบคุม ป้องกันความรุนแรงของโรคเรื้อรัง จำนวน 1,135.02 ล้านบาท 5.ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร พื้นที่เสี่ยงภัยและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 1,490.28 ล้านบาท 6.ค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง จำนวน 916.80 ล้านบาท และ 7.ค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว จำนวน 268.64 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการผู้ป่วยนอกทั้งในและนอกเขตกรุงเทพมหานครเพิ่มเติมจำนวน 652,173 ครั้ง

ทั้งนี้ การจัดทำหลักเกณฑ์ดำเนินงานกองทุนปี 2562 ดำเนินตามกรอบและแนวคิด ทั้งจากรัฐธรรมนูญ ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนปฏิรูปแห่งชาติด้านสาธารณสุข ผลรับฟังความคิดเห็น ฯลฯ สำหรับในปี 2562 ได้ปรับปรุงการดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนฯ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ อาทิ บริการตรวจคัดกรองและตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเป้าหมายคัดกรองแต่ละพื้นที่ให้ผ่านความเห็นชอบ อปสข. การบริการตรวจยืนยันมะเร็งลำไส้ใหญ่ปรับให้เบิกจ่ายตามผลงานจริง (Fee schedule), การปรับแนวทางการจ่ายผู้ป่วยในเพื่อให้หน่วยบริการมีความมั่นใจในการบริการเพิ่มขึ้น ได้แก่ การกันวงเงินระดับประเทศจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อปรับเกลี่ยค่าน้ำหนักสัมพันธ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (AdjRW) และการกำหนดอัตราจ่ายคงตลอดทั้งปีจำนวน 8,050 บาทต่อ AdjRW เป็นต้น

นพ.จเด็จ กล่าวว่า การปรับปรุงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์วัคซีนรวมป้องกัน 5 โรค ประกอบด้วยคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และไวรัสตับอักเสบบี, เพิ่มการจ่ายค่าบริการตามผลงานจริงในรายการที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงบริการ และการปรับประสิทธิภาพบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่จะมีการปรับปรุงประกาศฉบับใหม่ เป็นต้น ขณะที่ในส่วนบริการเฉพาะได้เพิ่มวัคซีนพิษสุนัขบ้าในกลุ่มยาจำเป็น โดยย้ายงบจากค่าบริการผู้ป่วยนอกจำนวน 10.67 ต่อผู้มีสิทธิเพื่อดำเนินการจัดซื้อ, เพิ่มรายการยาตามบัญชียา จ.(2) จำนวน 2 รายการ ได้แก่ ยาราลเท็คกราเวียร์ (Raltegravir) เพื่อขยายการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และ ยาบีวาซิซูแมบ (Bevacizumab) เพื่อรักษาโรคหลอดเลือดตาในจอตาอุดตัน และเพิ่มรายการถุงอุจจาระโคลอสโตมี่ (Colostomy Bag) เป็นอุปกรณ์และอวัยวะเทียมเพื่อเบิกจ่ายเพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับผู้ป่วย

นอกจากนี้ ปี 2562 ยังได้มีการพัฒนาเพื่อดูแลผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้นำร่องโครงการความร่วมมือการจัดบริการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ การดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันสูง โดยปรับปรุงบริการเน้นการควบคุมป้องกันภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ขณะเดียวกันยังได้ปรับสัดส่วนการจ่ายชดเชยบริการปฐมภูมิเพื่อสนับสนุนคลินิกหมอครอบครัว (Primary Care Cluster: PCC) เพื่อสนองต่อนโยบายรัฐบาล


กำลังโหลดความคิดเห็น