วธ. เปิดตัวหนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน” พร้อมมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร และชุมชน ที่มีคุณูปการในการสืบสานตำนานต้นไม้ จำนวน 127 โล่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา พร้อมปลุกกระแสอนุรักษ์ต้นไม้ทรงคุณค่า และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ได้จัดพิมพ์หนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา 2 เมษายน 2561 เป็นการสะท้อนคุณค่าของวัฒนธรรมถึง 3 ประการ คือ ประการแรกสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถด้านงานวัฒนธรรม ทรงเอาพระทัยใส่ในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติเสมอมา ทั้งยังทรงแสดงพระอัจฉริยภาพด้านการอนุรักษ์และสืบทอดงานศิลปวัฒนธรรมให้เจริญรุ่งเรือง เปรียบประดุจต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ไพศาลปกเขตทั่วฟ้าแดนไทย ให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข จึงถือได้ว่าทรงเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็นเช่นเดียวกับร่มไม้ใหญ่มีต่อสรรพสัตว์ และการเลือกจำนวนต้นไม้เท่ากับพระชนมายุของพระองค์นั้น มีนัยสำคัญอันเป็นการแสดงความสัมพันธ์ของประชาชนต่อพระองค์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
ประการที่สอง ในต้นไม้ใหญ่มีวัฒนธรรม มีทั้งเรื่องของต้นไม้เอง เรื่องของบุคคลหรือชุมชนผู้ปลูก และเรื่องของสถานที่ที่ต้นไม้เหล่านั้นเติบโตขึ้นมา รวมถึงกาลเวลาที่ต้นไม้ได้ยืนหยัดผ่านมา ที่ส่งผลให้เห็นถึง แรงบันดาลใจ ความเชื่อ ความศรัทธา ตลอดจนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชุนที่เป็นเสมือน “บ้าน” ของต้นไม้เหล่านั้น การที่กระทรวงวัฒนธรรมสำรวจ ค้นคว้า จนได้มาซึ่งต้นไม้ใหญ่ของแผ่นดินทั้ง ต้น จึงเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้ท้องถิ่น และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความรัก และความหวงแหนในมรดกทางธรรมชาติเหล่านี้ และนำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน เพื่อให้ต้นไม้ยืนหยัดให้ร่มเงาแห่งความรักและความผูกพันระหว่างมนุษย์กับต้นไม้ สืบไป
ประการที่สาม วัฒนธรรมจะพัฒนาได้ก็ต้องต่อยอดให้มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เฉกเช่นต้นไม้ใหญ่ ที่แตกยอดให้ร่มเงาแผ่ไพศาลเป็น รุกข มรดกของแผ่นดินที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย การนำต้นไม้และวัฒนธรรมชุมชนมาสร้างสรรค์เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวนั้น นอกจากจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ยังสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ สะท้อนวิถีชีวิตและความงดงามทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ทำให้ต้นไม้เป็นมากกว่าคำว่าต้นไม้ ทำให้วัฒนธรรมมีชีวิตและสร้างมิติใหม่ของการท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมกับธรรมชาติ
นายวีระ กล่าวว่า เนื้อหาของหนังสือ “รุกข มรดกแห่งแผ่นดิน” เล่มนี้ ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้นำบทความ “ต้นไม้ในวังสระปทุม ของเจ้าฟ้านักอนุรักษ์” พร้อมภาพต้นไม้ในวังสระปทุม และได้รวบรวม เรียบเรียงประวัติ เรื่องราวที่มีการบันทึกไว้ รวมไปถึงความรู้ทางวิชาการด้านพฤกษศาสตร์เกี่ยวกับต้นไม้ในสถานที่ต่างๆ จากทุกภูมิภาค จำนวน 63 ต้น เท่าพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดพิมพ์พร้อมภาพประกอบที่สวยงาม เพื่อเผยแพร่เป็นความรู้ให้ผู้อ่านได้รู้จักต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืนยาวหรือที่มีความพิเศษเหล่านี้ยิ่งขึ้น ทั้งด้านประวัติความเป็นมา และความหมายความเป็นต้นไม้ของแผ่นดินอย่างลึกซึ้ง
ตัวอย่างต้นไม้ที่มีอายุเก่าแก่และน่าสนใจ เช่น ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่จังหวัดกำแพงเพชร อายุ 661 ปี เป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัย ทรงนำมาจากลังกา เมื่อคราวส่ง
สมณทูตไปสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และทรงปลูกไว้พร้อมกับพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อพุทธศักราช 1,900 ปัจจุบัน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ มีเส้นรอบวงประมาณ 10.20 เมตร และมีความสูงประมาณ 20 เมตร และต้นไม้ที่น่าสนใจอีกต้นหนึ่ง คือ ต้นจันผาที่จังหวัดสุรินทร์ มีเส้นรอบวง 3.63 เมตร ความสูง 13.79 เมตร ตั้งอยู่ในบริเวณสำนักปฏิบัติธรรมวัดเขาดาร์สปวง ถือเป็นต้นจันผาใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ บริเวณใต้ต้นไม้จะมีหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน และมีช่องหิน เชื่อกันว่า ผู้ที่ไม่มีคู่ครองเมื่อลอดแล้วก็จะได้พบเนื้อคู่และจะได้แต่งงานกันอยู่ดีมีสุข สำหรับคนที่มีคู่ครองแล้ว หากลอดช่องหินดังกล่าวก็จะยิ่งพบความสุข ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
“วธ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะมีคุณค่าในการต่อยอดองค์ความรู้ หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์ ปลูกฝังวัฒนธรรมความรักต้นไม้และรักษ์ธรรมชาติแก่ เด็ก เยาวชน และประชาชน รวมถึงเป็นแบบอย่างแก่ท้องถิ่นอื่นๆ ต่อไปในอนาคต อีกทั้ง กระทรวงวัฒนธรรม ยังได้กำหนดจัดกิจกรรมวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวต้นไม้ใหญ่ รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่มีต้นไม้ทรงคุณค่า ทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของชุมชน สามารถเสริมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนได้อีกทางหนึ่ง โดยจะทยอยเปิดตัวต้นไม้ใหญ่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของชุมชน ต่อไป” นายวีระ กล่าว
จากนั้น รมว.วัฒนธรรม ได้มอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร และชุมชน ที่มีคุณูปการในการสืบสานตำนานต้นไม้ จำนวน 127 โล่ นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตวธีการดูแลรักษาต้นไม้ และแจกกล้าไม้ที่ขยายพันธุ์จากต้นไม้ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” ประกอบด้วย ต้นจำปีสิรินธร ต้นยางนา ต้นจันทน์หอม ต้นเทพทาโร ต้นสมอพิเภก และต้นหยี โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกรมป่าไม้ เพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมงานด้วย
ทั้งนี้ รายละเอียดของต้นไม้ต้น สามารถหาอ่านได้ในหนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ซึ่งจัดพิมพ์เป็นสามภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน โดยติดต่อสอบถามได้ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม หรือดาวน์โหลด E - Book ได้จากเว็บไซต์ www.culture.go.th หรือหากท่านเดินทางไปเยี่ยมชมต้นไม้ในสถานที่จริง ก็สามารถสแกน QR Code ของหนังสือ ที่ป้ายต้นไม้นั้นๆ ได้อีกด้วย