ปลัด สธ. แจงคลังออกระเบียบรับ “ลูกจ้าง” ไม่กระทบ สธ. เหตุเคยทำข้อตกลงไว้แล้ว ยันใช้ระเบียบเงินบำรุงจ้างลูกจ้างต่อได้ กำหนดค่าจ้างเอง ไม่ต้องใช้อัตราเดียวกับ ก.คลัง ด้านชมรมแพทย์ชนบทออกแถลงการณ์ จี้ รมว.คลัง - ผู้เกี่ยวข้องออกระเบียบลาออก
วันนี้ (23 พ.ค.) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับอธิบดีกรมบัญชีกลาง และ ทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงการออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 ว่า ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบทั่วไป ไม่มีผลกระทบต่อ สธ. เนื่องจาก สธ. มีการทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังไว้แล้ว คือ ระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการให้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2561 โดยระเบียบฉบับนี้จะมุ่งเน้นกับส่วนราชการที่ยังไม่เคยทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลัง
นพ.เจษฎา กล่าวว่า สธ. จะใช้ระเบียบว่าด้วยเงินบำรุงฯ ในการจ้างแทน โดยอัตราค่าจ้าง สธ. ตกลงกับกระทรวงการคลังไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นอัตราเดียวกับกระทรวงการคลัง เนื่องจาก สธ. มีมากถึง 60 วิชาชีพ ค่าจ้างต่างๆ จึงไม่เท่ากัน ทั้งนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลางจะมีการออกประกาศเพิ่มเติมในช่วงเย็นวันที่ 23 พ.ค. เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับ สธ. ที่มีการทำข้อตกลงไว้อยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม สธ. มีลูกจ้าง 2 แบบ คือ จ้างแบบรายปี และจ้าง 4 ปี ดังนั้น ในกลุ่มจ้างปีต่อปีก้ต้องทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังทุกปี ส่วนกลุ่ม 4 ปีเมื่อครบก้ต้องมาทำข้อตกลงใหม่
“หลังจากนี้ จะนำหนังสือของกรมบัญชีกลางและแนบท้ายเรื่องการทำความเข้าใจสื่อให้กับทุกหน่วยงานทุกโรงพยาบาลให้ทำความเข้าใจด้วย ส่วนที่มีโรงพยาบาลออกมาเคลื่อนไหวต่างๆ นั้น เชื่อว่า วันนี้เมื่อทราบข้อมูลแล้วก็คงจะเข้าใจและจบ เพราะอธิบดีกรมบัญชีกลางชี้แจงชัดเจนว่า สธ. ใช้ระเบียบเดิม” ปลัด สธ. กล่าว
ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทและผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมแพ จ.ขอนแก่น ออกจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบ ในการออกระเบียบด้วยวิถีคิดที่ผิดพลาดอย่างรุนแรงด้วยการลาออก โดยระบุว่า กระทรวงการคลังไม่เข้าใจสถานการณ์จริง การออกระเบียบนี้เท่ากับเป็นการรวบอำนาจการพิจารณากลับสู่กระทรวงการคลัง ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่เงินงบประมาณ แต่เป็นเงินบำรุงที่โรงพยาบาลเก็บหอมรอบริบ เป็นเงินบริจาค เงินทอดผ้าป่า การคุมเช่นนี้เท่ากับเป็นการทำลายโรงพยาบาล และโรงพยาบาลไม่ได้ใช้จ้างเฉพาะลูกจ้างทำความสะอาดหรือพนักงานเปล แต่ใช้จ้างตั้งแต่แพทย์ เภสัชกร พยาบาล เทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด และวิชาชีพต่างๆ หากลูกจ้างทุกวิชาชีพลาออกหรือโรงพยาบาลจะขยายงานคงต้องรอกันหลายเดือน คนที่เดือดร้อนคือทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ที่ต้องเผชิญความเครียดจากระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
นายโอสถ สุวรรณ์เศวต ประธานสมาพันธ์สมาคมลูกจ้างรัฐแห่งประเทศไทย (สสลท.) กล่าวว่า ตอนทราบประกาศรู้สึกสับสน งง และขัดแย้งกับกระทรวงการคลังอย่างมาก เพราะเท่ากับปิดตายไม่เปิดโอกาสให้ลูกจ้างก้าวต่อไปข้างหน้า แต่พอมีการคุยกัน รู้สึกโล่งใจที่ สธ. ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลัง และใช้ตามระเบียบเงินบำรุงปี 2561 ซึ่งจะมีผลให้ สธ. สามารถใช้เงินบำรุง รพ. ในการจ้างงานต่างๆ ได้ และเป็นสิทธิภายใต้การกำกับดูแลของ สธ. เอง แต่เครือข่ายฯ ยังเห็นว่าควรจ้างลูกจ้างด้วยเงินงบประมาณอยู่ดี ไม่ใช่เงินบำรุง รพ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีบางโรงพยาบาลขึ้นป้ายคัดค้านระเบียบดังกล่าว เช่น รพ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก รพ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น รพ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี รพ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย รพ.สมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จ.หนองคาย รพ.รามัน จ.ยะลา เป็นต้น โดยขึ้นป้ายไว้อาลัย เช่น “รพ.ชาติตระการ ขอไว้อาลัย กระทรวงการคลังที่ออกระเบียบ ห้ามโรงพยาบาลห้ามจ้างลูกจ้าง ห้ามขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง” ทั้งนี้ ยังมีการประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า หากกระทรวงการคลังไม่มีความชัดเจน จะรวมตัวกันไปหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการให้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2561 ซึ่งลงนามโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2561 มีสาระสำคัญส่วนหนึ่งระบุว่า การจ่ายเงินบำรุงเพื่อเป็นค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราว หรือลูกจ้างรายคาบ เพื่อเป็นค่าจ้างและค่าตอบแทนแก่พนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) และการจ่ายเงินบำรุงให้แก่ พกส. ตามสิทธิประโยชน์ที่ สธ. กำหนด ให้เป็นไปตามข้อบังคับ ประกาศหรือหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ปลัด สธ. กำหนด
