พิษณุโลก - ชมรมแพทย์ชนบท และ รพ.ชุมชนทั่วประเทศ เดินเครื่องขึ้นป้าย-แต่งดำ คัดค้านระเบียบใหม่ ก.คลัง ที่สั่งห้ามโรงพยาบาลฯ-โรงเรียนแพทย์-หน่วยบริการ สธ.ใช้เงินนอกงบประมาณจ้าง-ขึ้นเงินเดือนลูกจ้าง จวกคิดได้ล้าหลัง-ถอยเข้าคลอง
วันนี้ (23 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมแพทย์ชนบท และ รพ.ชุมชนทั่วประเทศ ได้เคลื่อนไหวคัดค้านการออกระเบียบฉบับใหม่ของกระทรวงการคลัง ที่สั่งห้ามโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รวมถึงโรงเรียนแพทย์ และหน่วยบริการรัฐทั้งหมด ทำการจ้างและขึ้นเงินเดือนให้แก่ลูกจ้างจากเงินนอกงบประมาณ หรือหากต้องการจ้างก็ต้องขออนุญาตจากกรมบัญชีกลางก่อน
โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นการออกระเบียบที่ขัดแย้งต่อข้อเท็จจริง ปัจจุบัน รพ.ชุมชนในต่างจังหวัดเกือบทุกแห่งมีงานล้นมือ แต่ค่าตอบแทนน้อย ซ้ำยังไม่มีการบรรจุตำแหน่งข้าราชการเพิ่มมานานมากแล้ว การออกระเบียบเช่นนี้เท่ากับเป็นการบีบคั้นและเพิ่มภาระต่อโรงพยาบาล
ขณะที่เฟซบุ๊ก “ชมรมแพทย์ชนบท” ระบุว่า รัฐบาลชุดนี้บอกว่าจะปฏิรูป แต่กลับมาทำสิ่งที่ถอยหลัง คือ กำลังพยายามแก้กฎหมายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ถอยหลังเข้าคลอง พร้อมเผยแพร่เนื้อหาหนังสือที่นายแพทย์เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ก็ทำหนังสือเปิดผนึกที่ 44/2561 จี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เนื่องจากการที่กระทรวงการคลังได้ออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ้างพนักงานหรือลูกจ้างโดยใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยอ้างมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2560
โดยระเบียบดังกล่าวได้ลงนามในวันที่ 18 พฤษภาคม 2561 มีสาระสำคัญคือ หากส่วนราชการมีความจำเป็นต้องจ้างลูกจ้างนอกเงินงบประมาณ ต้องทำความตกลงกับกระทรวงการคลังก่อน รวมทั้งไม่ให้มีการเลื่อนค่าจ้างอีกด้วย และทันทีที่ระเบียบดังกล่าวเผยแพร่สู่สาธารณะก็มีการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง สร้างความตื่นตัวแก่วงการสาธารณสุขอย่างมาก แม้ว่าระเบียบนี้จะกระทบกว้างขวางทุกส่วนราชการก็ตาม
ชมรมแพทย์ชนบทขอทำความเข้าใจกับสาธารณะว่า 1. ปริมาณงานในด้านการดูแลสุขภาพของทุกโรงพยาบาลเพิ่ม แต่กระทรวงการคลังไม่เข้าใจสถานการณ์จริง อุปสรรคสำคัญของการพัฒนาระบบสาธารณสุขคือ กระบวนการบริหารภาครัฐเองที่ไร้ประสิทธิภาพ มุ่งเน้นแต่จะควบคุมพันธนาการด้วยระเบียบหยุมหยิมที่ไร้สาระ ซึ่งสะท้อนวิธีคิดของรัฐบาลว่า “ปากก็พูด 4.0 แต่พฤติกรรม 0.4”
2. การระเบียบนี้เท่ากับเป็นการรวบอำนาจการพิจารณากลับสู่กระทรวงการคลัง ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะนี่ไม่ใช่เงินงบประมาณ แต่เป็นเงินบำรุงที่โรงพยาบาลเก็บหอมรอบริบ เป็นเงินบริจาค เงินทอดผ้าป่า การคุมเช่นนี้เท่ากับเป็นการทำลายโรงพยาบาลให้กลับไปซอมซ่อและพัฒนาถอยหลัง ซึ่งเหลือเชื่อว่า มติ ครม.และกระทรวงการคลังจะคิดได้แค่นี้
3. เงินนอกงบประมาณนั้น โรงพยาบาลไม่ได้ใช้จ้างเฉพาะลูกจ้างทำความสะอาด หรือพนักงานเปลเท่านั้น โรงพยาบาลต่างๆ ใช้จ้างตั้งแต่แพทย์ เภสัชกร พยาบาล เทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด และวิชาชีพต่างๆ ด้วยตามความขาดแคลน ตามระเบียบนี้เมื่อลูกจ้างทุกประเภทุกวิชาชีพลาออกหรือเมื่อโรงพยาบาลจะขยายงานคงต้องรอกันหลายเดือนก็ไม่รู้จะได้จ้างไหม ทั้งๆ ที่ความจริง รอหนึ่งสัปดาห์ก็สาหัสแล้ว
4. การรวบอำนาจเช่นนี้ คนที่เดือดร้อนแสนสาหัสจะเป็นทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ที่ต้องเผชิญความเครียดจากระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนี้
เฟซบุ๊กชมรมแพทย์ชนบทระบุด้วยว่า การออกระเบียบฉบับนี้ มีส่วนที่ดีอย่างยิ่งอยู่ประการหนึ่ง คือ ทำให้สาธารณะได้เห็นถึงวิธีคิดที่รวบอำนาจและการจัดการอันไร้ประสิทธิภาพของรัฐราชการโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง
ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่าย จึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบต่อออกระเบียบด้วยวิถีคิดที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง ด้วยการลาออก และขอให้ภาคประชาชนร่วมกันกดดันเพื่อสร้างระบบการบริหารประเทศที่กระจายอำนาจและมีธรรมาภิบาลที่ดีกว่านี้
และนับแต่วันที่ 23 พ.ค.นี้ ได้มีการเชิญชวนคน รพ.ชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รพ.ทั่วไปและ รพ.ศูนย์ทั้งประเทศ ให้ขึ้นป้ายไว้อาลัยและแต่งชุดดำ