xs
xsm
sm
md
lg

สธ.ยัน “วัคซีนพิษสุนัขบ้า” เพียงพอ สั่งแล้วกว่า 5 ล้านโดส ย้ำ ปชช.ไม่ต้องฉีดล่วงหน้า เว้นคนทำงานกับสัตว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สธ. ยัน “วัคซีนพิษสุนัขบ้า” เพียงพอ คาด ทั้งปีใช้ 4.5 - 5 ล้านโดส สั่งซื้อเข้ามาแล้ว ย้ำไม่มีสั่งห้ามสัตวแพทย์หรือกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนล่วงหน้า ยังฉีดได้ตามปกติ แต่ประชาชนไม่จำเป็นต้องฉีดล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้ถูกกัด หรือฉีดหลังถูกกัดจะดีกว่า ชี้ ตื่นตระหนกไปฉีดก่อนอาจทำให้วัคซีนไม่พอ แต่มีมาตรการหมุนเวียนวัคซีนไม่ให้ขาด

วันนี้ (4 พ.ค.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณภายหลังการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อการติดตามสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า ว่า ขณะนี้ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 8 ราย แนวโน้มเริ่มลดน้อยลง เนื่องจากกรมปศุสัตว์ระดมฉีดวัคซีนในสุนัขและแมวจำนวนมากหลายล้านตัว และคนตระหนักพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนมากขึ้น ความเสี่ยงในคนจึงน้อยลง แต่ขอเตือนประชาชน ว่า 1. ต้องพาสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน เพราะหากสัตว์ไม่ป่วย คนก็ไม่ป่วย 2. พยายามอย่าถูกสุนัขหรือแมวกัดหรือข่วน และ 3. หากถูกกัดหรือข่วนให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า นอกจากนี้ ไม่จำเป็นต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า เพราะไม่มีความจำเป็นในประชาชนทั่วไป เนื่องจากหากถูกกัดก็ต้องไปฉีดซ้ำอีก ต่างจากวัคซีนอื่นๆ ที่ป้องกันได้ในระยะยาว เช่น หัด หัดเยอรมัน หรือ โปลิโอ ที่ป้องกันได้ตลอดชีวิต

“ยืนยันว่า ไม่มีการสั่งห้ามไปฉีดล่วงหน้าในคนกลุ่มเสี่ยง แต่อาจเกิดจากปัญหาการสื่อสาร คนกลุ่มเสี่ยงตามแนวเวชปฏิบัติยังสามารถมาฉีดล่วงหน้าก่อนได้ เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ คือสัตวแพทย์ สัตวบาล คนที่ทำงานคลุกคลีกับสัตว์ คนไปจับสัตว์สุนัข ทำงานในฟาร์มสุนัขหรือแมว ต้องไปฉีดล่วงหน้า แต่ประชาชนทั่วไปยังไม่แนะนำ เพราะประโยชน์หรือความจำเป็นที่จะฉีดล่วงหน้ามีน้อย ป้องกันไม่ให้ถูกกัดหรือข่วนจะดีกว่า เพราะวัคซีนหรือยาทุกชนิดก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ได้ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องฉีด และการฉีดหลังถูกกัดจำเป็นต้องทำอย่างเคร่งครัด เพราะที่เสียชีวิตทั้ง 8 รายก็มาจากไม่ไปฉีดหรือฉีดไม่ครบ” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลว่าวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคนไม่เพียงพอ ขอยืนยันว่า เพียงพอ ซึ่งปกติประเทศไทยนำเข้าวัคซีนเพื่อฉีดให้ประชาชนประมาณ 3 ล้านโดส แต่ปีนี้มีสถานการณ์ประชาชนค่อนข้างตื่นตัว คาดการณ์ว่า ทั้งปี 2561 จะมีการฉีดประมาณ 4.5 - 5 ล้านโดส ซึ่งแหล่งนำเข้าวัคซีนของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นจีนหรืออินเดีย อย่างจีนผลิตได้ประมาณปีละ 30 ล้านโดส ใช้เองประมาณ 12 ล้านโดส อย่างไรก็นำเข้าได้เพียงพอแน่ ซึ่งขณะนี้บริษัทผู้ผลิตก็สั่งซื้อวัคซีนที่คาดว่าจะใช้ทั้งปีเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ไม่น่ามีปัญหา และไม่นานน่าจะได้วัคซีน เพราะประเทศไม่ไกลกัน ส่วนปริมาณการใช้พบว่าตั้งแต่ ม.ค.- เม.ย. ฉีดไปแล้ว 1.56 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นคนที่ถูกกัดแล้วมาฉีด โดยช่วง ม.ค.- มี.ค. ที่ผ่านมา การฉีดเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากช่วงเวลาในปี 2560 โดย มี.ค. ฉีดไปแล้ว 5.8 หมื่นราย ส่วน เม.ย. ปริมาณการฉีดลดลงเหลือ 3 หมื่นกว่าราย และ พ.ค. เท่าที่ดูข้อมูลไม่กี่วันก็มีอยู่ประมาณพันกว่าราย ถ้าแนวโน้มเป็นอย่างนี้ พ.ค. และ มิ.ย. การฉีดในประชาชนน่าจะลดน้อยลง

“การระบาดของสัตว์ไม่ได้มีทุกจังหวัด จากที่คอนเฟอเรนซ์ พบว่า เชียงราย สิงห์บุรี แทบไม่ระบาดเลย การฉีดในคนก็ค่อนข้างน้อย ภาพรวมวัคซีนมีเพียงพอแน่ ที่ต้องทำความเข้าใจ คือ ไม่ต้องกลัวว่าจะขาด บางคนกลัวพาลูกหลานไปฉีดโดยไม่จำเป็น พอตระหนกวัคซีนก็ไม่พอ พอต่างประเทศรู้ว่าซื้อวัคซีนเยอะก็ขึ้นราคา จึงขอย้ำว่าเพียงพอแน่ แต่บางจุดที่มีประชาชนไปใช้วัคซีนเยอะๆ อาจขาดบ้าง ซึ่งมีมาตรการย้ำไปแล้วว่า รพ.สต. ไหนที่ขาดให้แจ้ง รพ.ชุมชน เพราะมีสต๊อกอยู่ก็จะจัดส่งไปให้ภายใน 24 ชั่วโมง หรือ รพ.ชุมชนไหนขาดก็แจ้งไปที่ รพ.จังหวัด หากจังหวัดขาดอีกก็แจ้งไปที่เขตเพื่อบริหารจัดการวัคซีนภายในเขต หรือตรงไหนขาดจริงๆ ก็แจ้งมายังกรมควบคุมโรค เพราะปีนี้มีสต๊อกอยู่อีก 1 แสนโดส จากเดิมที่สต๊อกเพียงหมื่นกว่าโดส” นพ.โอภาส กล่าวและว่า ขณะนี้แต่ละโรงพยาบาลจัดซื้อวัคซีนเอง เพราะไม่สามารถกันเงินจากงบบัตรทองมาที่ คร. ในการจัดซื้อรวมได้ ส่งผลให้คุมสต๊อกยาก ต่อรองยากขึ้น หยิบยืมได้ยาก ก็พยายามแก้ไขให้จัดซื้อภาพรวมในระดับจังหวัด ส่วนส่วนการจัดซื้อรวมทั้งประเทศ คงต้องหารือเชิงนโยบายและดูเรื่อง พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างใหม่ว่าสามารถทำได้หรือไม่

เมื่อถามถึงบริษัทเลือกส่งวัคซีน นพ.โอภาส กล่าวว่า เท่าที่สอบถามเพราะบางแห่งติดหนี้เยอะจึงไม่ส่ง เนื่องจากต่างคนต่างซื้อ แต่ถือเป็นเรื่องเก่า ตอนนี้ไม่มีแล้ว คือ อาจยังมีการค้างจ่ายค่าวัคซีน แต่ต้องมีการส่งวัคซีน อำเภอไหนซื้อไม่ได้ให้จังหวัดดูแล ตอนนี้เข้าใจว่าภาพรวมไม่มีปัญหา แต่จุดไหนมีปัญหาให้รีบแจ้งจะลงไปดูแล และ รพ.ไหนไม่มีเงินซื้อ ก็ให้จังหวัดดูแลด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น