หมอมะเร็งจุฬาฯ จี้ สธ. บอกผลวิจัย “สมุนไพร” สูตรแสงชัยให้ชัด ช่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างไร หวั่นสังคมเข้าใจคลาดเคลื่อน แจงวิจัยในหลอดทดลองฆ่าเซลล์มะเร็งไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะวิจัยในมนุษย์ต่อ ห่วงกรมแพทย์แผนไทยฯ ให้ใบรับรองหมอพื้นบ้าน ทั้งที่ยังไม่รู้ผลของสมุนไพร และยังให้แจกต่อทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ผล
จากกรณีผลวิจัยประสิทธิภาพของสมุนไพรสุตรหมอแสง หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล จ.ปราจีนบุรี โดยพบว่า ไม่มีผลในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง 7 ชนิดในระดับหลอดทดลอง ซึ่งนายแสงชัยยืนยันจะเดินหน้าแจกสมุนไพรต่อไป และไม่มีการชี้แจงต่อประชาชน โดยอ้างว่าจะประชาชนอยากรู้ว่าจะแจกสมุนไพรต่อหรือไม่มากกว่าอยากรู้ผลวิจัย
วันนี้ (25 เม.ย.) รศ.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ โรคมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะอุปนายกสมาคมมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรต้องประกาศให้ชัดเจนว่าไม่ได้ผล คือ ไม่ได้ผล เพราะหากบอกว่ามีผลในเรื่องของคุณภาพชีวิตก็ต้องมีผลในเรื่องการศึกษาหรือเปรียบเทียบให้ชัดว่า ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างไร เพื่อให้สาธารณะทราบข้อเท็จจริงอย่างแท้จริง เช่น มีการเปรียบเทียบระหว่างกินกับไม่กิน ผลเป็นอย่างไร ส่วนที่ระบุว่า อาจทำให้มีผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้มีกำลังใจ นั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าเซลล์มะเร็งไม่ได้ตายหรือหายไป ดังนั้น การจะมาพูดว่าทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นก็ต้องพูดให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นสังคมอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน
“การจะพูดว่าอาการดีขึ้นจากการรับประทานสมุนไพรนั้น วัดได้ยาก หากไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจน เพราะอาจเป็นผลดีที่สืบเนื่องจากการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันอยู่แล้ว หรือคนไข้เพิ่งผ่านการรักษาจนจบคอร์ส ทั้งการฉายแสง การทำคีโมบำบัด และเมื่อมารับประทานสมุนไพรก็อาจดีขึ้น เนื่องจากฟื้นตัวแล้ว ตรงนี้จึงบอกไม่ได้ว่า เป็นผลดีจากอะไรกันแน่ ซึ่งกรณีที่ นายแสงชัย บอกว่า หลายคนกินแล้วดีขึ้น ก็ต้องมีตัวชี้วัดว่าดีเพราะอะไร” รศ.นพ.วิโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายแสงชัยจะยังแจกสมุนไพรต่อไป เพราะเป็นแค่การวิจัยในหลอดทดลอง ไม่ได้ทดลองในมนุษย์ รศ.นพ.วิโรจน์ กล่าวว่า หลักของการศึกษาวิจัยต้องเริ่มจากหลอดทดลองในห้องปฏิบัติการ หากไม่ส่งผลใดๆ ก็จบ เพราะหากไม่ส่งผลแล้วก็ไม่จำเป็นต้องศึกษาวิจัยในมนุษย์ หรือที่เรียกว่าในระดับคลินิก แต่หากส่งผลดีก็จะวิจัยต่อในมนุษย์ และการจะทดสอบในมนุษย์ก็ต้องผ่านคณะกรรมการจริยธรรมในมนุษย์ด้วย แต่สำหรับนายแสงชัยไม่ได้มีตรงนี้ และพฤติกรรมการแจกสมุนไพร แม้จะบอกว่าเป็นแคปซูล ไม่ได้บอกว่าเป็นยา แต่พฤติกรรมมีการแจก และยังจดรายละเอียดผู้ป่วย ซึ่งพฤติกรรมเหมือนหมอ แต่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ แบบนี้ไม่ถูกต้อง ที่สำคัญ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กลับให้ใบรับรองหมอพื้นบ้านถึงจะบอกว่า แค่รับรองภูมิปัญญา แต่ก็ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี ดูความเหมาะสมหรือไม่ เพราะกรณีนี้มีการแจก มีคนไปต่อคิวรับจำนวนมาก และไม่มีทางทราบเลยว่า ใครรับประทานไปแล้วผลหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
“เรื่องนี้ต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบ อย่าง สธ.ถือเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเรื่องนี้ และควรต้องมีข้อบังคับ หรือกฎหมายอะไรหรือไม่ มิเช่นนั้น ในอนาคตก็จะมีเคสแบบนี้เกิดขึ้นอีก มีคนไปรอรับคิวสมุนไพร หรืออะไรก็ตามที่อาจบอกว่ารักษาโรคนั้นโรคนี้ได้ ยิ่งโรคมะเร็งยิ่งน่ากลัว และพอเขามาขอยื่นใบรับรอหมอพื้นบ้านก็ให้หมด และพอตรวจสอบสารออกฤทธิ์แล้วไม่พบประสิทธิภาพ แต่ก็ยังให้แจกต่อไปอีก แบบนี้ความเสี่ยงก็อยู่ที่ประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการควบคุมให้ดีหรือไม่” รศ.นพ.วิโรจน์ กล่าว