xs
xsm
sm
md
lg

ยันสูตรดั้งเดิมตำรับยา “เบญจอำมฤตย์” ช่วยมะเร็งตับ ไม่มีกัญชาตามอ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรมแพทย์แผนไทยฯ ยันตำรับ “ยาเบญจอำมฤตย์” รักษามะเร็งตับ ไม่มีส่วนผสมของ “กัญชา” หรือตัดกัญชาออกจากสูตรอย่างที่เข้าใจ เผยยึดส่วนผสมตามคัมภีร์โบราณแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์จำนวนสมุนไพร 9 ชนิด ระบุยังอยู่ระหว่างกระบวนการวิจัยในคน กระจาย 14 รพ.

วันนี้ (5 เม.ย.) นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีข่าวยาตำรับเบญจอำมฤตย์ที่ใช้ในการวิจัยรักษามะเร็งตับไม่ได้ผล เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของ “กัญชา” ในการช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ว่าตำรับยาเบญจอำมฤตย์ที่กรมฯ นำมาใช้ศึกษานั้นเป็นตำรายาโบราณ ยืนยันว่าตามตำรับดั้งเดิมไม่มีส่วนผสมของกัญชา โดยส่วนผสมของสมุนไพรในตำรับยาเบญจอำมฤตย์นั้นมีเพียง 9 ชนิด คือ รงทอง มหาหิงคุ์ ยาดำ ตองแตก (รากทนดี) พริกไทย ดีปลี ดีเกลือฝรั่ง มะกรูด และขิง ไม่ได้มีกัญชาผสมแต่อย่างใด

ด้าน พญ.สมพิศ จำปาเงิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โรงพยาบาลที่ผลิตยาเบญจอำมฤตย์ให้แก่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ในการใช้วิจัย กล่าวว่า ตำรับยาเบญจอำมฤตย์นั้น กรมฯ ได้มาจากคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณ สูตรในการทำตำรับยานั้นก็ดำเนินการตามคัมภีร์ ยืนยันว่าไม่มีส่วนผสมของกัญชาหรือมีการตัดกัญชาออกจากสูตรอย่างที่เข้าใจ โดยส่วนผสมของตำรับนั้นมี 9 ตัว แต่ทีเรียกว่าเบญจ แปลว่า 5 เนื่องจากมีลักษณะเป็นยาระบาย หรือยาลุ อยู่ 5 ชนิด สำหรับการผลิตยาเบญจอำมฤตย์นั้นหากเป็นตามคัมภีร์แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์นั้นจะนำสมุนไพร คือ รงทอง ยาดำ และมหาหิงคุ์ ยัดใส่ผลมะกรูดสด หุ้มด้วยมูลโคหรือควาย เอาไปสุมไฟจน 3 ตัวนี้แห้งกรอบดี แล้วเอามาบดทำยา

พญ.สมพิศกล่าวว่า แต่กระบวนการผลิตยาในปัจจุบันนั้น หากมีมูลสัตว์เอามาทำยานั้นไม่เป็นที่ยอมรับและจะทำให้ไม่ผ่านมาตรฐาน เพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงในการปนเปื้อนหรือติดเชื้อจากมูลของสัตว์ได้ จึงใช้วิธีการสะตุหรือฆ่าเชื้อด้วยวิธีอื่นตามวิธีแพทย์แผนไทย โดยเอามาบดผสมให้ตัวยาเข้ากัน มีการหลอมอะไรต่างๆ แล้วบดผสมเหมือนยาตำรับอื่น ซึ่งการผลิต รพ.อู่ทองสามารถดำเนินการได้ประมาณ 80,000 แคปซูลต่อวัน แต่เราผลิตตามออเดอร์ที่ได้รับในการนำไปใช้วิจัย หากมีออเดอร์เข้ามามากก็สามารถผลิตได้มากถึง 100,000 แคปซูลต่อวัน

สำหรับการวิจัยทางคลินิกในมนุษย์นั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ เป็นผู้ดำเนินการ โดยกระจายการวิจัยออกไปใน 14 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมการพัฒนาศักยภาพระบบบริการการแพทย์แผนไทย ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็น รพ.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กรุงเทพฯ (รพ.ยศเส) ส่วน รพ.อู่ทองก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ร่วมวิจัยด้วย ซึ่งการเก็บข้อมูลไม่ใช่แค่เรื่องมะเร็งตับเท่านั้น แต่ยังดูในเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการถ่ายไม่ออกด้วย เนื่องจากยาดังกล่าวจัดเป็นยาระบาย ส่วนผลวิจัยที่ชัดเจนนั้นยังคงต้องรอกรมฯ รวบรวมข้อมูลก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น