การศึกษาไทยในปัจจุบันมีการแข่งขันกันสูง ซึ่งเกิดจากความเชื่อหรือค่านิยมที่ผิดๆ อันล้วนแต่ส่งผลเสียโดยตรงต่อเด็กทั้งสิ้น ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อของสังคมโดยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มาดูผลเสียและตัวอย่างที่เกิดขึ้นดังนี้
วัยเด็กเป็นวัยที่เรียนรู้โดยการเล่น ได้สัมผัสธรรมชาติและของจริง หากเด็กๆใช้เวลาส่วนใหญ่โดยการเรียนแบบนั่งโต๊ะ ทำกิจกรรมที่ผู้สอนชี้แนะให้ทำ ไม่มีคำว่าผิด ต้องถูกตลอดเวลา เด็กจะไม่ได้มีโอกาสลองผิดลองถูก ไม่ได้ค้นพบด้วยตนเอง ส่งผลเสียต่อสมอง เพราะสมองของเด็กถูกออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยความรักผ่านการเล่นอย่างมีความสุข หากเด็กได้รับการเรียนรู้อย่างผิดๆโดยขาดความเข้าใจ เด็กจะกลายเป็นคนเครียด อีกทั้งขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะการเร่งเรียนที่มีการแข่งขันสูงจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในก้านสมอง ทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนชอบเอาชนะ เพื่อจะเป็นที่หนึ่ง และเห็นว่าคุณค่าของความเป็นคนอยู่ความเก่ง ความฉลาด เท่านั้น
มีผู้ปกครองท่านหนึ่งพาลูกเข้าเรียนในโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง โดยคิดว่าที่นี่จะเป็นสวรรค์ให้ลูกได้เรียนรู้ แต่ลูกกลับมาบ้านร้องไห้ทุกวันอีกทั้งก่อนไปโรงเรียนมักมีอาการอาเจียน เป็นไข้ไม่สบาย เมื่อสอบถามพบว่าลูกทำวิชาคณิตศาสตร์ไม่ได้ โดยคุณครูให้ออกไปทำหน้ากระดานดำ ต่อหน้าเพื่อน 40 คนที่แทบจะมองคุณครูไม่เห็นหน้าห้อง เด็กเกิดอาการกลัว เนื่องจากไม่มีความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์มาก่อน เมื่อทำผิด คุณครูให้เต้นเพลง ไก่ย่างถูกเผา เป็นที่ขบขันของเพื่อนๆและคุณครู สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้คือ ความอับอายขายหน้า ขาดความเชื่อมั่น และได้เรียนรู้กิริยาที่ไม่สุภาพจากการเต้นเพลงไก่ย่างถูกเผา หาใช่การเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์แต่อย่างใดไม่ สาเหตุเป็นเพราะคุณครูได้รับการสอนมาก่อนว่า การเชือดไก่ให้ลิงดู หรือการสอนโดยการเปรียบเทียบประจานจะทำได้เด็กตั้งใจและพยายามมากขึ้น แต่ผลที่ได้กลับเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม
นอกจากนี้เด็กๆที่ ได้รับการเรียนรู้จากการทำกิจกรรมที่มีผู้ชี้แนะตลอดเวลาจะทำให้เด็กขาดการตัดสินใจและติดเป็นนิสัยประจำตัวในการทำงาน ในอนาคตต่อไป จากการศึกษาของนักจิตวิทยามหาวิทยาลัยโคโลราโดและมหาวิทยาลัยเดนเวอร์พบว่าเด็กที่ได้รับการเรียนรู้โดยกิจกรรมที่อิสระไม่มีผู้ชี้แนะมากเกินไปนั้นจะได้รับการพัฒนาการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และจะมีทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่ประสบความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นในช่วงวัยเด็กก่อนวันเรียน ทักษะนี้จะรวมไปถึงขั้นตอนการพัฒนาทางด้านจิตใจที่จะช่วยให้เราทำงานไปถึงเป้าหมายที่ประสบความสำเร็จ เช่นการวางแผนการตัดสินใจ การทำงานที่ซับซ้อน การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมทั้งการสร้างนิสัยในการมีความคิดที่ถูกต้องและสามารถกำจัดความคิดและความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องออกไปได้ด้วยตัวเอง การเรียนรู้ในช่วงวัยเด็กนี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จ ไม่ใช่การเร่งเรียนรู้แต่เป็นทักษะที่จะช่วยให้สมองทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพแข็งแรงและสามารถที่จะอยู่ร่วมสังคมในอนาคตได้อย่างมีความสุข
หลังจากอ่านบทความนี้แล้วผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ช่วงเวลาในวัยเด็กอย่างมีความสุขและได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ แต่ไม่ใช่การเร่งเรียนยัดเยียดเพื่อทำตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการ การเป็นผู้ปกครองจำเป็นต้องเข้าใจและส่งเสริมลูกด้วยความเข้าใจ และพัฒนาความคิด จิตใจและสังคมไปพร้อมๆกัน เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ