“อภิสิทธิ์” ชี้การศึกษาไทยไม่พัฒนาเพราะเปลี่ยนนโยบายตามรัฐบาล ยันหาก ปชป.มีโอกาสทำงาน ชูการศึกษาเป็นลำดับแรก ลั่นไทยต้องเปลี่ยนกฎระเบียบหากจะเป็นไทยแลนด์ 4.0 ยกกรณีรับรองสมาชิกพรรคด้วยลายลักษณ์อักษร
วันนี้ (15 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ทิศทางการศึกษาไทยในยุค 4.0” ว่า ไทยแลนด์ 4.0 เป็นการเตือนเราทุกคนว่าไม่สามารถที่จะเติบโตได้หากยังใช้ปัจจัยแบบเดิมอย่างที่ผ่านมาทั้งภาคบริการ อุตสาหกรรม การเกษตร การจุดประกายไทยแลนด์ 4.0 เป็นสิ่งที่ดีและมีความสำคัญ แต่ตนยังไม่มั่นใจว่านโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบันจะสอดรับกับเป้าหมาย 4.0 จริงหรือไม่ โดยปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยไม่สามารถไปสู่เป้าหมาย 4.0 ได้คือกฎหมายที่ไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน
“ยกตัวอย่างสิ่งที่ผมกำลังจะประสบก็คือ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป พรรคการเมืองจะต้องดำเนินการจัดทำรายชื่อสมาชิกพรรคให้เป็นปัจจุบันตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ต้องดำเนินการเป็นหนังสือลายลักษณ์อักษร ไม่สามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้มากนัก ดังนั้นจึงควรต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับการเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 รวมถึงปรับหลักคิดในการออกกฎระเบียบต่างๆ ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันต้องมีการพัฒนาศักยภาพกำลังบุคลากร เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่าจะได้ทักษะฝีมือแรงงานที่มีคุณภาพ ซึ่งต้องวางพื้นฐานตั้งแต่การศึกษาการพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่ครูต้องมีความพร้อมในการเปลี่ยนวิธีคิดและกระบวนการคิดในการให้ความรู้กับนักเรียนให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วย
นอกจากนี้ ฝ่ายการเมืองจะต้องไม่กำหนดนโยบายในทางปฏิบัติให้แก่่สถาบันการศึกษามากจนเกินไป เนื่องจากที่ผ่านมาการพัฒนาการศึกษาจะสะดุดลงเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ดังนั้น หากฝ่ายบริหารสามารถวางแนวทางในการนำกระบวนการศึกษามาร่วมกับชุมชนและท้องถิ่นได้ก็จะช่วยให้การศึกษาเกิดการพัฒนาได้เร็วมากขึ้น เพราะหากต้องรอกระทรวงศึกษาธิการ และส่วนกลางกำหนดนโยบาย การปรับเปลี่ยนทางการศึกษาก็จะทำได้ยากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีนโยบายการคืนครูให้นักเรียนซึ่งไม่ได้มีการสานต่ออย่างจริงจัง การจะคาดหวังให้โรงเรียนปรับเปรียบวิธีการเรียนรู้แต่ไม่เปิดโอกาสให้ครูได้มีการพัฒนาและทุ่มเทให้การเรียนการสอนการพัฒนาการศึกษาก็เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญต่อการศึกษา ดังนั้นหากมีโอกาสเข้าไปทำงานก็จะกำหนดเรื่องการศึกษาเป็นลำดับแรกๆ