xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” สัญญาณดีมีอนาคต แต่เงื่อนไขต้องสลัด “ตัวถ่วง” ทิ้ง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เมืองไทย 360 องศา

พิจารณาจากผลสำรวจล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่าง “กรุงเทพโพลล์” ที่ผลออกมาโดยสรุป ก็คือ ในภาพผลงานของรัฐบาลในรอบ 3 ปี 6 เดือน ได้คะแนนความพึงพอใจจากชาวบ้านเพิ่มขึ้นทุกด้าน เรียกว่า จากคะแนนเต็ม 10 ได้เกินครึ่งทุกด้าน แม้ว่าจะเป็นการสอบผ่านแบบฉิวเฉียด แต่ก็ถือว่า “ผ่าน” กันหมด ได้คะแนนเพิ่มขึ้นก็แล้วกัน

แม้ว่า สำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะได้รับคะแนนน้อยลง แต่ก็ถือว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อ 3 ปีก่อน ที่เขาเคยได้ 7 คะแนน ก็หล่นลงมาเหลือ 6 กว่าๆ แต่ในภาพรวมก็ถือว่าโอเค และผลสำรวจดังกล่าวก็น่าจะเป็นแนวโน้มสัญญาณที่ดีกว่าเดิม อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าบรรยากาศในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาแน่นอน

แน่นอนว่า การเมืองไทยไม่อาจประเมินสถานการณ์กันยาวๆ แบบ 5 - 6 เดือนขึ้นไป เพราะอาจต้องมองกันวันต่อวัน แต่หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้วถึงอย่างไร สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องใจชื้นขึ้นเป็นกอง เพราะการที่ชาวบ้าน “พอใจ” ผลงานของรัฐบาลในทุกด้านเพิ่มขึ้น มันก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เกิดขึ้นยากแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลผ่านมาเกือบ 4 ปีแบบนี้

อย่างไรก็ดี “จุดอ่อน” ของรัฐบาลก็ยังมีอยู่ “สองเรื่อง” นั่นคือ เรื่อง “ปากท้อง” และเรื่องของ “คนใกล้ชิด” ที่ยังเป็น “ตัวถ่วง” ทำลายภาพลักษณ์อยู่ต่อไป แต่หากแยกพิจารณาจากสัญญาณแล้ว สำหรับเรื่องแรกคือ เรื่องปากท้องนั้นต้องบอกว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวกมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากได้เห็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นประเทศคู่ค้ารายสำคัญของเราอีกด้วย

การที่ปีนี้จากการโหมรุกเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป้าหมายก็คือพวก “รากหญ้า” ที่มีอยู่ค่อนประเทศมีการต่อยอดจาก “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” จนมาถึง “ไทยนิยม” ที่กำลังปูพรมกันทุกบ้านในเวลานี้ มันก็เหมือนกับการ “ส่งถึงมือ” แบบ “มัดจำกันล่วงหน้า” ที่สำคัญ ยังเป็นการส่งแบบไม่ผิดตัวเสียด้วย นี่แหละถือว่าเป็นทีเด็ดจาก “ทีมเศรษฐกิจ” ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ไฟเขียวจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อย่างเต็มที่

ด้วยกลไกด้านกำลังคนจาก มหาดไทย กลาโหม ตำรวจ และงบประมาณจากกระทรวงการคลัง ธนาคารรัฐ มีพี่เลี้ยงการทำธุรกิจจากกระทรวงพาณิชย์ ฝึกฝนด้านทักษะฝีมือแรงงาน มันก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

หากจะกล่าวกันแบบตรงๆ ก็ต้องบอกว่าอีกด้านหนึ่งนี่ก็ไม่ต่างจากการหาเสียงล่วงหน้า แต่ก็ถือว่ามันช่วยไม่ได้ และที่สำคัญมันก็คงไม่มีพรรคการเมืองไหนกล้าออกมาโวยวายให้ “ห้ามช่วยคนจน” หรอก อย่างมากก็ทำได้แค่กระฟัดกระเฟียดกันไปเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สิ่งที่เห็นและกลายเป็นผลบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นั้นคือ ราคาผลผลิตด้านการเกษตรตัวหลักๆ บางตัวในเวลานี้ราคากำลังดี เช่น ราคาข้าว หลังจากที่ระบายข้าวเก็บสต๊อกจนล้นจากโครงการรับจำนำข้างออกไปได้หมดทำให้ไม่มีการกดดันด้านราคา ทำให้ไทยกลับมาเป็นเจ้าตลาดโลกอีกครั้ง ยังส่งผลให้ชาวบ้านขายข้าวได้ราคาดี ถึงดีมากในปีนี้ ส่วนปาล์มน้ำมันก็กล้บมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ยังเหลือก็แต่ยางพารา ที่มีแต่ทรุดลงเพราะราคาตกลงทั่วโลกก็ต้องลุ้นให้มีการใช้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้นซึ่งก็ต้องพูดจริงทำจริงแบบต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจ ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวโน้มที่ดี แต่อย่างที่บอกมันก็ยังมีจุดอ่อน ซึ่งก็เป็นเรื่องเดิมๆ นั่นคือ ปัญหา “คนใกล้ชิด” ซึ่งก็ไม่มีอะไรซับซ้อนยังเป็นเรื่องของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชาวบ้านไม่แฮปปี้ มันจึงกลายเป็น “ตัวถ่วง”ทั้งรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลสำรวจก็ยืนยันชัดเจนว่าชาวบ้านยัง “ยี้” เรื่องนี้ไม่เลิก

ดังนั้น หากประเมินสถานการณ์กันแบบระยะสั้นไปก่อน ช่วงที่เริ่มจดจองชื่อพรรคการเมืองกันแล้ว สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่านาทีนี้สถานการณ์เริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกมากกว่าเดิม เพราะหลายอย่างเริ่มเป็นใจ ขณะเดียวกัน ถ้าจะให้ออกมาเป็นบวกชัดเจนก็ต้อง “สลัดตัวถ่วง” ออกไป เพราะในอนาคตหากยังกระเตงกันมาแบบ “เหล้าพ่วงเบียร์” กันอยู่ต่อไปมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน!!


กำลังโหลดความคิดเห็น