เมืองไทย 360 องศา
หากพิจารณาจากบรรดาสารพัดโพลที่ออกมาก่อนหน้านี้ ระบุตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำลังเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” บอกว่า ความนิยมลดลงทุกด้าน แม้ว่าหากมองตามตัวเลขจะเห็นว่าเป็นการ “ลงแบบช้าๆ” ไม่ใช่ดิ่งเร็ว หรือดิ่งลงเหวก็ตาม
หลายคนมองว่าสาเหตุหนึ่งอาจมาจากที่ว่า “อยู่นาน” นั่นคือ ในระยะเวลาที่กำลังเข้าสู่ปีที่ 4 ก็ถือว่านานแล้ว มันก็ทำให้เกิดอาการ “เบื่อ” กันได้ทุกที่ ทุกคนอยู่แล้วไม่มีเว้น ขณะเดียวกัน เมื่ออยู่นานมันก็ย่อมมีเรื่องให้น่าเบื่อ หรือมีเรื่องที่ชวนให้น่าเบื่อ น่ารำคาญจนต้องส่งเสียง “ยี้” กันออกมาอยู่แล้ว
โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมามีเรื่องฉาวๆ ของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่โครมครามจนสร้างความรำคาญให้กับบรรดา “กองหนุน” ก็เห็นจะเป็นเรื่อง “แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน” นั่นแหละ ส่งผลสะเทือนรุนแรงให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจนถึงทุกวันนี้
แต่ก็บังเอิญว่ามี “ข่าวมากลบข่าว” ทั้งเรื่อง “เจ้าสัว” เปรมชัย กรรณสูต ซีอีโอของ บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เรื่อง “ป้าทุบรถ” ที่ตลาดนัดเสรีวิลล่า เป็นต้นทำให้"เบี่ยงเบน"ความสนใจไปได้พักใหญ่
ประกอบกับในช่วงเวลานี้ ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็เริ่มแก้เกม ในแบบที่เรียกว่า “ชิ่งออกจากมุมอับ” และเริ่มเปิดเกมรุกกลับมากขึ้น อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็คือการโหมปูพรมโครงการ “ไทยนิยม” ไปทั่วประเทศ โดยมีการ “จัดทีมใหญ่” กว่า 7 พันทีมลงไปเคาะประตูบ้าน
เป้าหมายเพื่อต้องการ “แก้จน” ให้เห็นผล เป็นการจัดเต็มทั้งเรื่องสอบถามความต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง ทั้งฝึกอาชีพ สร้างอาชีพ แนะแนวการศึกษาให้กับลูกหลานเรียกว่ามากันแบบครบวงจร มีการกำชับกันว่างานนี้ห้ามพลาด ห้ามมีรายการทุจริตเกิดขึ้นมาอีก เพราะถ้ามีอีกมันก็ตอกย้ำเข้าแผลเดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสื่อมทรุดลงอีก จึงต้องดักรอกำชับกันล่วงหน้า ซึ่งก็ต้องดำเนินคู่ขนานกันไปกับการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจกันแบบก้าวกระโดด เรียกว่านี่คือ การลุ้นเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะครบกำหนดภายในเวลาจำกัดเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น
ขณะเดียวกัน หากโฟกัสไปอีกด้านหนึ่งในฟากของฝ่ายเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ทั้งในชื่อของพรรคเพื่อไทย และกลุ่มมวลชนแนวร่วมต่างๆ ที่หลายโพลออกมาตรงกันว่ายัง “มีแต้มต่อ” หากเลือกตั้งวันนี้พรุ่งนี้พรรคการเมืองของ ทักษิณ พรรคนี้ก็ชนะการเลือกตั้งขาดลอย
อย่างไรก็ดี นั่นน่าจะพิจารณาจากบรรยากาศและอารมณ์ของชาวบ้านในช่วงเวลาที่ผ่านมา หรืออย่างน้อยในช่วงสองสามปีก่อน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังทำหลายเรื่องน่าผิดหวังโดยเฉพาะเรื่อง “การปฏิรูป” ในเรื่องเร่งด่วนที่เป็นความต้องการของชาวบ้านที่เคยเป็น “กองหนุน” มานาน ที่เวลาผ่านไปก็ยังไม่ถึงไหนโดยเฉพาะการ “ปฏิรูปตำรวจ” หรืออีกเรื่องที่กลายเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวพันกับความรู้สึกของชาวบ้าน ก็คือ เรื่อง “ปากท้อง” เรื่องราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ
แต่เมื่อปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ทุกฝ่ายมองเห็นตรงกันว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลัง “ก้าวกระโดด” ส่วนสำคัญก็ต้องให้เครดิตกับ “ทีมเศรษฐกิจ” ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เวลานี้กำลังลงแส้เร่งมือกันสุดฤทธิ์ ซึ่งมันก็มีลุ้นเหมือนกันว่าภายใน 5 - 6 นับจากนี้ก็อาจเห็นผลพลิกหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้
เมื่อหันไปมองไป ทักษิณ ชินวัตร บ้าง แม้ว่าเวลานี้กำลังฉวยจังหวะสั่งเปิดเกมรุกอีกรอบ โดยหวังฉวยโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังขาลง แต่มันก็ไม่ง่ายในเมื่อ ฝ่ายรัฐยังถือ “อาญาสิทธิ์” มีอำนาจพิเศษในมือ ยัง “ไม่ยอมปลดล็อก” มันก็ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก หรือแม้จะ “ป่วน” ก็คงลำบาก เช่นเดียวกัน
ดังนั้น แม้ว่าหากภาพภายนอกจะมองว่าฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร เป็นฝ่ายได้เปรียบจาก"กระแส" แต่ในขณะเดียวกันในความเป็นจริงเมื่อถูก “จำกัดพื้นที่” หรือคุมแจกันแบบนี้มันก็ย่อมขยับลำบาก ประกอบกับเมื่อฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการแก้เกมลุยโหม “สลายมวลชน” ภายใต้โครงการ “ไทยนิยม” ที่มีครบทุกองค์ประกอบ มาครบทั้งอำนาจ กำลังคน งบประมาณ ซึ่งอีกนัยหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “กำจัดจุดอ่อน” ที่เคยมี โดยเฉพาะเป้าหมาย “แก้จน” แบบรวดเร็วแล้วเคาะประตูบ้านเข้าถึงตัว มันถึงได้บอกว่างานนี้หากไม่พลาดเสียก่อนมันก็มีสิทธิ์เข้าเป้าได้เหมือนกัน
สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ว่ากันว่า คนที่เขารู้สึกหวั่นไหวมากที่สุด ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่แหละ มีการรับรู้กันมาตั้งแต่นักเรียน “เตรียมทหาร” รุ่นพี่รุ่นน้องกันนั่นแหละ ดังนั้น แม้ว่าในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปต่อ หรือ ฝ่ายทักษิณ จะชนะแต่รับรองว่าก็ต้อง “เลือดอาบ” เหมือนกัน !!