หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ตะวันตก เผย พฤติกรรมกลุ่ม “เปรมชัย” ไม่ยำเกรงกฎหมาย บุกตั้งแคมป์ในจุดห้ามตั้ง ล่าสัตว์เพื่อความเท่ สนองกิเลส จนท. เตือนแล้ว ยังดื้อขออยู่ต่อ จนมีพิรุธและโดนตรวจค้น เผย ขณะถูกจับเจ้าสัวอิตาเลียนไทย พยายามแนะนำตัวเอง แต่ตนไม่สน ทำผิดต้องโดนจับ
วันนี้ (8 ก.พ.) นายวิเชียร ชิณวงษ์ นักวิชาการป่าไม้ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีการจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวก ถูกจับกุมภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก พร้อมของกลางซากสัตว์และอาวุธปืนล่าสัตว์ ว่า หลังการจับกุมไม่มีตำรวจมาข่มขู่ และการมาทำงานตรงนี้ ถ้ามีการฟ้องกลับก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าทางกรมอุทยาน ทางกระทรวง มีนิติกร มีทีมงานที่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษา และช่วยให้คำแนะนำในการต่อสู้คดี ทั้งนี้ ทางรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจตตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเสียใจ เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ต่อไปจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา โดยเฉพาะการเข้า - ออก ให้มากยิ่งขึ้นหลายเท่า
นายวิเชียร กล่าวต่อว่า การตรวจตราบางทีรถมาหลายคัน สัมภาระเต็มคันรถ ถ้าจะทำให้เหมือนสนามบินทำได้ยาก อันนี้คือจุดอ่อน ต่อไปจะช้าบ้าง จะโดนตำหนิบ้าง จะโดนความไม่พอใจบ้างก็ต้องยอม แต่ถ้าจะให้การทำงานรวดเร็วขึ้น จะต้องมีเครื่องมือในการตรวจที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องซีทีสแกน เข้ามาช่วยในส่วนนี้
ส่วนการประสานขอให้ช่วยอำนวยความสะดวก นายวิเชียร กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ คนที่มาทุ่งใหญ่ฯ ไม่อยากใช้คำว่า วีไอพี เพียงแต่ว่าการเข้ามา คือ ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันเหมือนประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม ช่วงที่มาอยู่นี่เดือนที่ 12 ยังไม่เคยเห็นกลุ่มของนายเปรมชัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
“ถ้าจะมาล่าสัตว์ มันต้องแอบเข้าแอบทำ ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเจอ แต่กรณีนี้มาแบบเปิดเผย แสดงตัว ตั้งแคมป์พักแรม อยู่ที่จิตสำนึก มีอาวุธเข้ามามองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เหมือนชาวบ้านทั่วไป มันเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองมากกว่า ตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามา ยังไม่เคยเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างจะครบถ้วนแบบนี้ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กน้อยเป็นชาวบ้านมาล่าสัตว์ เพื่อการยังชีพ ไม่ได้มาล่าเพื่อความสนุกความเท่ สนองกิเลสของตัวเอง” นายวิเชียร กล่าว
นายวิเชียร กล่าวถึงเหตุการณ์จับกุมกลุ่มของนายเปรมชัย ว่า ถ้าวิเคราะห์คาดว่ามีเสียงปืนดังล่วงหน้าก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าเราอาจจะมาไม่ทัน พฤติการณ์ที่กำลังจะทำความผิดในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าถึงพื้้นที่แล้ว เราได้ตักเตือนและให้คำแนะนำ ให้นักท่องเที่ยวได้ประพฤติตัวถูกต้อง เพียงแต่ว่าอาจจะเพิกเฉย อาจจะดื้อรั้นเกิดขึ้น มันเลยนำไปสู่การพบอาวุธต้องสงสัย ถ้าเขาเชื่อเราแต่แรกที่ไปแนะนำ เราจะไม่สามารถรู้เหตุการณ์นี้เลยว่า เขาจะมาล่าสัตว์
เมื่อเราตักเตือนและขอให้ย้าย เขาก็ขออยู่ที่เดิม ไม่ย้ายสถานที่พักแรม บอกว่า กลัวจะไม่ปลอดภัยการเดินทางในเวลากลางคืน แต่ว่าก็ยังกล้าที่จะพักแรมต่อในเวลากลางคืน ซึ่งอยู่ในป่าลึกเป็นที่น่าแปลกใจ แล้วไม่ใช่ที่ที่อนุญาตด้วย
“พอไม่ปฏิบัติตามปุ๊บ มีข้อสงสัยทำไมคุณซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า พอเจ้าหน้าที่ไปเดินหาเดินตรวจก็เจอ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทีละเปราะๆ จนนำไปสู่การตรวจค้นในที่สุด”
ส่วนกรณีที่มีคนมาเจรจา ขอให้เบาเรื่องผ่อนเรื่อง หรือว่ายอม นายวิเชียรกล่าวว่า มันเป็นปกติ เพียงแต่ว่าไม่ได้ตรงๆ เขาไม่ได้เสนอว่า จะต้องเป็นกี่บาทกี่อะไร เพียงแต่ว่าเป็นการพูดในเชิงหยั่งเชิงดูว่า เรามีท่าทีเอนเอียงไปทางเขาหรือไม่
ส่วนที่รู้ว่าเป็นนายเปรมชัยนั้น นายวิเชียร กล่าวว่า รู้ตอนเข้าไปจับกุมในที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ติดตามบอกว่าเป็นเจ้านายใหญ่ของบริษัท แต่ไม่ได้อ้างชื่อผู้ใหญ่คนไหนของทางกรม แค่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านายใหญ่ของทางทีมที่มาด้วย และนายเปรมชัยก็ได้แนะนำตัวเอง เขาไม่ได้อ้างว่าเป็นแขกวีไอพี เพียงแต่เป็นการสื่อให้เราทราบ ผมเป็นนี่ ทำงานที่นี่นะ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ แต่จะเป็นใครก็ช่าง ถ้ากระทำความผิดแล้วเราไม่ละเว้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลักฐานมั่นใจว่าไม่เกินฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินฝีมือของป่าไม้ไทยแน่นอน
คำต่อคำ นายวิเชียร ชินวงษ์ ให้สัมภาษณ์
ถาม- หัวหน้าโดนตำรวจขู่บ้างไหมที่ไปจับกุม
ตอบ- คิดว่าไม่มี เพราะว่าเราทำงานตามหน้าที่
ถาม- กลัวจะมีการเช็กบิลกลับบ้างไหมคะ
ตอบ- ถ้าเรามาทำงานตรงนี้ปุ๊บต้องยอมรับว่า ทุกคนมีสิทธิ์ในการใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในการต่อสู้คดีกันอยู่แล้ว เช่นถ้ามีการฟ้องกลับมันเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าทางกรมอุทยาน ทางกระทรวง มีนิติกร มีทีมงานที่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษา และช่วยให้คำแนะนำในการต่อสู้คดี
ถาม- ทางรัฐมนตรีได้กำชับ หรืออะไรไปหลังจากนี้บ้างไหมในการทำหน้าที่ในพื้นที่
ตอบ- ท่านให้กำลังใจตลอด ทางทุ่งใหญ่ฯ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเสียใจ เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่มีใครอยากให้เกิด ต่อไปจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา โดยเฉพาะการเข้า-ออกให้มากยิ่งขึ้นหลายเท่า
ถาม- มองว่ามีจุดอ่อนตรงไหนในการเข้าตรวจ ในฐานะที่อยู่ในพื้นที่มานาน
ตอบ- การตรวจตราบางทีรถมาหลายคัน สัมภาระเต็มคันรถ ถ้าจะทำให้เหมือนสนามบินมันทำได้ยาก อันนี้คือจุดอ่อน ต่อไปจะช้าบ้าง จะโดนตำหนิบ้าง จะโดนความไม่พอใจบ้างก็ต้องยอม และทีนี้ถ้าจะให้การทำงานรวดเร็วขึ้น เครื่องมือในการตรวจที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์มาจะมีเข้ามาช่วยในส่วนนี้
ถาม- ที่ผ่านมาได้รับการประสานยังไงบ้างไหมคะ สำหรับคนใหญ่คนโต หรือคนที่ใหญ่กว่าเรา ในการประสานเข้าพื้นที่ของกลุ่มต่างๆ
ตอบ- ในการประสานต้องดำเนินไปตามขั้นตอน
ถาม- มองว่าเคยมีการประสานผ่านมาทางคุณวิเชียรบ้างไหม ขอให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มนู้นกลุ่มนี้
ตอบ- เป็นเรื่องปกติ คือคนที่มาทุ่งใหญ่ฯ ไม่อยากใช้คำว่า วีไอพี เพียงแต่ว่าการเข้ามา คือทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันเหมือนประชาชนทั่วไป
ถาม- เคยเห็นคุณเปรมชัยเข้ามาในทุ่งใหญ่ฯ กี่ครั้ง
ตอบ- ผมมาอยู่นี่เดือนที่ 12 ยังไม่เคยเห็น ครั้งนี้ครั้งแรก
ถาม- แล้วลักษณะของกลุ่มคนที่เข้าไปลักลอบในการลอบฆ่าสัตว์ป่า เราพบพฤติกรรมมากน้อยขนาดไหนยังไงบ้าง
ตอบ- จริงๆ ถ้าจะมาล่าสัตว์ ผมเคยเห็นการล่าสัตว์ มันต้องแอบเข้าแอบทำ ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเจอ แต่กรณีนี้มาแบบเปิดเผย แสดงตัว ตั้งแคมป์พักแรม อยู่ที่จิตสำนึก มีอาวุธเข้ามา ผมมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ใช่เหมือนชาวบ้านทั่วไป มันเป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองมากกว่า
ถาม- ตั้งแต่เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามา เคยเห็นรูปแบบที่ค่อนข้างจะครบถ้วน และมีอาวุธครบแบบนี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่าคะ
ตอบ- ไม่ครับ กรณีอื่นๆ คล้ายคลึงกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่เผยตัวตน
ถาม- เฉพาะที่นี่นอกจากกรณีนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีพรานเข้าไป แล้วเราจับได้เป็นรายต่างๆ บ้างไหม
ตอบ- มีครับ ส่วนใหญ่จะเป็นรายเล็กน้อยในช่วงที่ผมมาอยู่ จะเป็นชาวบ้านมาล่าสัตว์ เพื่อการยังชีพ ไม่ได้มาล่าเพื่้อความสนุกความเท่ห์ ความสนองกิเลสของตัวเอง
ถาม- อาวุธที่คนรายอื่นๆ ที่เคยเข้ามาล่าแล้วเราจับได้ ส่วนใหญ่เขาใช้เป็นปืน
ตอบ- ถ้าเป็นชาวบ้านจะเป็นปืนแก๊ป ไทยประดิษฐ์ที่ทำเอง ถ้ามากสุดน่าจะเป็นปืนลูกซอง
ถาม- จุดที่เราอยู่มีโอกาสยากง่ายแค่ไหนที่เข้าไปภายใน 1 - 2 วัน แล้วจะเจอเสือดำแบบนี้
ตอบ- พูดยากครับ เพราะว่าบางทีผมเข้าทุกวัน ผมไม่เจอเสือดำ บางทีมีนักท่องเที่ยวเข้ามา เขามาแค่วันเดียวเจอเสือดำอยู่ที่จังหวะมากกว่า
ถาม- เขามีพรานทำให้มีผลไหม ทำให้เขาเจอเสือดำภายในเวลา 2 วัน
ตอบ- มีผล คือในพื้นที่เราเข้าไปในป่า เสืออยู่ไม่ไกลจากเราหรอก เพียงแต่ว่าทำยังไงเราจะทำให้เขาวางใจ แล้วเจอเขา ผมมองอย่างนั้นมากกว่า
ถาม- ตรงจุดเกิด เป็นช่วงร่องรอยที่เสือปรากฏออกมามากน้อยแค่ไหนตามข้อมูล
ตอบ- ทุ่งใหญ่ฯ มีความอุดมสมบูรณ์ มีเหยื่อมีอาหารของกวาง ของเสือหลายชนิด ทีนี้ทุ่งใหญ่ฯ เสือดำเป็นสัตว์ที่มีจำนวนพอสมควร ทุ่งใหญ่ฯ ทุ่งขาแข้ง 2 พื้นที่นี้ ส่วนพื้นที่อื่นอาจจะหายากหน่อย แต่ว่าที่นี้ถ้าอยากจะพบเสือดำมีเวลาสักนิดหนึ่ง สามารถเจอได้
ถาม- แล้วอย่างนี้การยิงปืนของกลุ่มนี้มันมีผลต่อเสือดำไหม
ตอบ- มีผลครับ
ถาม- อย่างไรบ้าง
ตอบ- 1. รบกวนโดยมนุษย์ซึ่งใช้อาวุธปืนยิง ทำให้สัตว์ตกใจ และละทิ้งถิ่นที่อยู่อาศัยไปอยู่พื้นที่อื่นที่ปลอดภัยกว่าเดิม มันลึกขึ้น
ถาม- ตอนนี้เท่าที่ดูจะต้อง... ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเขตต้องมีการเฝ้าระวังตรงจุดไหน หรือว่าพื้นที่จากนี้ต่อไปยังไง เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ล่อแหลม และคนลักลอบเข้าได้ด้วย
ตอบ- ต้องไปทำการศึกษาวิจัย และเก็บรวบรวมข้อมูลมา ว่าในรอบปี หรือในห้วง 10 ปีที่ผ่านมา สัตว์ป่าไปอยู่อาศัยตรงไหนบ้าง และฤดูกาลนี้เขาจะไปอยู่ตรงไหน ซึ่งในช่วงต้นฤดูฝน เรามีการชิงเผาทุ่งหญ้า พอต้นฤดูฝนหญ้าแตกขึ้นมา สัตว์ที่กินหญ้าจะลงมาใช้ประโยชน์ เราต้องมาเพิ่มความเข้มข้นตรงนี้ให้มากกว่าพื้นที่อื่นนิดหนึ่ง ในฤดูกาลสัตว์จับคู่ผสมพันธุ์เขาใช้ชีวิตอยู่อีกโซน ก็ต้องไปเน้นตรงนั้น เพราะฉะนั้นต้องบอกว่า ทุ่งใหญ่ฯ ต้องดูแลทั่วทั้งพื้นที่
ถาม- คนทั้งประเทศให้กำลังใจหัวหน้าวิเชียรมาก และทั้งครอบครัว หัวหน้าคิดยังไงที่จะสื่อสารกับคนในสังคมที่ให้กำลังใจหัวหน้าวิเชียรได้ยังไง
ตอบ- ผมดีใจ และภูมิใจที่ทุกท่านเป็นห่วงผม แต่ผมมองว่าท่านเป็นห่วงผมคนเดียว แต่คนที่ทำงานไม่ใช่ผมคนเดียว ยังมีคนทุ่งใหญ่นเรศวรอีก 200 กว่าชีวิตที่ทำงานอยู่ที่นั่น อย่าลืมเขานะครับ
ถาม- ท่านหัวหน้าคะ ที่บอกว่าขาดเรื่องเครื่องมือที่จะตรวจ เป็นเครื่องมือลักษณะไหน ปัจจุบันมีแค่ไหนยังไง
ตอบ- อันนี้เป็นจินตนาการ เราไม่อยากให้ทำเหมือนสนามบินหรอกที่จะต้องมีซีทีมาสแกน ถ้ามันมีเครื่องอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่สามารถส่งสัญญาณได้ว่า อันนี้เป็นโลหะ หรือว่ามีรูปร่างยาวๆ อย่างนี้ คล้ายคลึงว่าจะเป็นอาวุธปืน จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วขึ้น
ถาม- ตอนนี้เท่าที่ประเมินดูแล้ว ลักษณะของการกระทำความผิด ถ้าเราพบว่า มีการลักลอบ ทางเจ้าหน้าที่มีกำลังมากน้อยขนาดไหนในการที่จะไปตามเจอกลุ่มคนที่ทำผิดในแต่ละเคสต์
ตอบ- พูดยากครับ แต่ว่าต้องเรียนว่าการจะจับกุมต้องใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 5 - 10 คน จึงจะปลอดภัย
ถาม- อยากเล่าย้อนนิดหนึ่งคือ ตอนนั้นเข้าไปเจอแล้วไปเตือนก่อนแล้วใช่ไหมคะ ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้น หรือว่าได้ยินเสียงปืนดังถึงได้เข้าไป
ตอบ- ถ้าวิเคราะห์มีทั้งเสียงปืนดังล่วงหน้า ดังขึ้นก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าเราอาจจะมาไม่ทัน พฤติการณ์ที่กำลังจะทำความผิดในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าถึงพื้้นที่แล้ว
ถาม- มีการเตือนก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังด้วยไหม ที่เตือนให้กลับที่พัก
ตอบ- เราได้ตักเตือนและให้คำแนะนำใช้คำนี้ดีกว่า คือให้นักท่องเที่ยวได้ประพฤติตัวถูกต้อง เพียงแต่ว่าอาจจะเพิกเฉย อาจจะดื้อรั้นเกิดขึ้น มันเลยนำไปสู่การพบอาวุธสงสัย ถ้าเขาเชื่อเราแต่แรกที่ไปแนะนำ เราจะไม่สามารถรู้เหตุการณ์นี้เลยว่า เขาจะมาล่าสัตว์
ถาม- เขาแสดงตัวไหมครับ ในขณะที่เราเข้าไปตักเตือนว่า ไม่ไปในจุดที่คุณแนะนำหรอก จะอยู่ที่นี่แล้วคุณเป็นใคร
ตอบ- มีครับ เขาขอได้ไหมขออยู่ที่เดิม ไม่ย้ายสถานที่พักแรม
ถาม- เขาให้เหตุผลอะไรไหมคะ ในการไม่ย้าย
ตอบ- บอกว่ากลัวจะไม่ปลอดภัยการเดินทางในเวลากลางคืน แต่ว่าก็ยังกล้าที่จะพักแรมต่อในเวลากลางคืน ซึ่งอยู่ในป่าลึกเป็นที่น่าแปลกใจ
ถาม- แล้วไม่ใช่ที่ที่อนุญาตด้วย
ตอบ- ใช่
ถาม- เลยพบพิรุธใช่ไหมคะ
ตอบ- ครับ พอไม่ปฏิบัติตามปุ๊บ มีข้อสงสัยทำไมคุณซ่อนอะไรอยู่หรือเปล่า พอเจ้าหน้าที่ไปเดินหาเดินตรวจก็เจอ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทีละเปราะๆ จนนำไปสู่การตรวจค้นในที่สุด
ถาม- มีใครมาเจรจากับคุณวิเชียรโดยตรงว่า ขอให้เบาเรื่องผ่อนเรื่อง หรือว่ายอม
ตอบ- มันเป็นปกติ เพียงแต่ว่าไม่ได้ตรงๆ เขาไม่ได้เสนอว่า จะต้องเป็นกี่บาทกี่อะไร เพียงแต่ว่าเป็นการพูดในเชิงหยั่งเชิงดูว่า เรามีท่าทีเอนเอียงไปทางเขาหรือไม่
ถาม- ทางเราสืบรู้ตอนไหนว่า เขาคือคุณเปรมชัย เขาแสดงตัวตอนไหนนี่คือ คุณเปรมชัย
ตอบ- ในตอนที่เข้าไปควบคุมตัวในจุดเกิดเหตุมีการสอบถามว่า ชื่อแส้ใครอะไรยังไง
ถาม- เขาแสดงตัวตอนนั้นหรอครับ
ตอบ- คือเขาไม่ได้พูดเอง เพียงแต่ว่าผู้ติดตามที่ไปด้วยกัน เขาบอกเป็นเจ้านายใหญ่ บริษัทนั้นบริษัทนี้
ถาม- เอ่ยชื่อบริษัทใช่ไหมคะ
ตอบ- ครับ ทราบตอนนั้น
ถาม- นอกจากจะบอกเป็นเจ้านายใหญ่ ยังจะเชื่อมโยงไปหาผู้ใหญ่คนอื่นอีกไหมที่จะมาเคลียร์กับเรา
ตอบ- ไม่มีครับ
ถาม- แล้ว ณ ตอนนั้นเขาได้อ้างชื่อผู้ใหญ่คนไหนของทางกรม หรือหน่วยงานบ้างไหม
ตอบ- เขาไม่ได้อ้าง
ถาม- แค่อ้างว่าตัวเองเป็นเจ้านายใหญ่ ทางทีมที่มาด้วย
ตอบ- เขาเหมือนเป็นการแนะนำข้อมูลว่า เป็นใคร ทำงานที่ไหนเท่านั้นเอง
ถาม- ตัวคุณเปรมชัยได้แนะนำตัวเองด้วยไหมคะ
ตอบ- แนะนำ
ถาม- ได้มีการพูดไหมว่า มีการโทร.มาประสานแล้ว เป็นแขกวีไอพี
ตอบ- อันนี้จะเป็นใครก็ช่าง ถ้ากระทำความผิดแล้วเราไม่ละเว้น
ถาม- เขาได้พูดไหมคะ ว่าเป็นแขกวีไอพีประสานมาแล้ว
ตอบ- เขาไม่ได้พูดขนาดนั้น เพียงแต่เป็นการสื่อให้เราทราบ ผมเป็นนี่ ทำงานที่นี่นะ ชื่อนี้ นามสกุลนี้ เราไม่ได้สนใจอะไร ถ้ามาทำความผิดแล้ว เราต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยหลักฐาน
ถาม- มีความกังวลไหมว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อาจจะไม่ได้ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น
ตอบ- มั่นใจครับ มันไม่เกินฝีมือตำรวจไทย ไม่เกินฝีมือของป่าไม้ไทยแน่นอน
ถาม- ภาพถ่ายที่ปรากฏออกมาครั้งแรก ที่คุณเปรมชัยนั่งกับกลุ่ม ณ ตอนนั้นคุณเปรมชัยเขาทำอะไรกันอยู่
ตอบ- ตอนนั้นเป็นตอนที่เราแจ้งให้เขามารวมตัวกัน เนื่องจากว่า เป็นเวลากลางคืน เราไม่รู้ว่าเขาจะมีอาวุธหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยก็ต้องทำที่ตรงนั้น
ถาม- เดี๋ยวจากนี้เห็นบอกว่า จะไป บก.ปทส. ด้วยใช่ไหม
ตอบ- ไปครับ เป็นช่วงบ่าย
ถาม- อันนี้มีการประสานมาจากฝ่ายไหนที่จะให้ข้อมูลที่นู้นด้วย
ตอบ- ท่านอธิบดีครับ ท่านเห็นข่าวที่มีสื่อนำเสนอว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่เห็นความชัดเจน ท่านเลยเรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ มาสอบถามมากกว่าว่า อะไรยังไง ผมขอเรียนว่า คนทุ่งใหญ่ฯ ศักดิ์ศรีเรามี ถึงเราจะอยู่ในป่าเราไม่ได้ร่ำรวย เราไม่ต้องการเงินจากคุณเปรมชัยแม้แต่บาทเดียว