ไม่จบ!! เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ อ้างคำเดิมเปลี่ยนระบบจัดซื้อยา ทำยาต้านไวรัสฯ ขาด เหตุยังไม่มีการสั่งซื้อ จ่อทำผู้ป่วยเอชไอวีกว่า 3 แสนคนขาดยา สธ. แจงปัญหาอยู่ที่การจัดส่งยาของผู้ขาย ไม่ใช่เปลี่ยนระบบใหม่
นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีการปรับเปลี่ยนระบบการจัดซื้อยา โดยมอบหมายให้โรงพยาบาลราชวิถีทำหน้าที่แทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำให้ผู้ติดเชื้อฯ ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว คือ การเข้าถึงยาของผู้ป่วยกำลังมีปัญหา โดยที่ผ่านมาหน่วยบริการจะจ่ายยาต้านไวรัสให้ผู้ติดเชื้อฯ ครั้งละ 3 - 4 เดือน แต่ขณะนี้พบสัญญาณว่ายาต้านไวรัสกำลังจะขาดแคลน เนื่องจากยังไม่มีการสั่งซื้อ พบว่าหน่วยบริการเริ่มจ่ายยาให้ผู้ติดเชื้อฯ ครั้งละเพียง 1 เดือน หรือในบางแห่งถึงกับจ่ายเป็นรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ยังพบว่าจากเดิมที่ผู้ติดเชื้อจะได้รับยาสูตรรวมเม็ด ปัจจุบันยาดังกล่าวเริ่มขาดแคลนจนโรงพยาบาลต้องจ่ายให้เป็นยาสูตรแยกเม็ดแทน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อผู้ติดเชื้อฯ ขาดยาก็ไม่ได้เสียชีวิตทันที แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็คือจะเริ่มเกิดปัญหาเชื้อดื้อยา นำมาซึ่งภาระงบประมาณของประเทศมากยิ่งขึ้น
“ทุกวันนี้เราใช้ยาที่ สปสช. จัดซื้อมาของปี 2560 อยู่ ซึ่งทราบมาว่ายาเหล่านั้นจะใช้ได้นานที่สุดก็ไม่เกินเดือน พ.ย. 2560 จากนั้นยาต้านไวรัสก็จะหมดลง ขณะที่ผู้ป่วยก็ได้รับยาเป็นรายเดือนแล้ว ตรงนี้สะท้อนว่าระบบกำลังปั่นป่วน โรงพยาบาลก็ไม่สามารถเบิกยาได้” นายอภิวัฒน์ กล่าวและว่า ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกวังเวงใจและเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องจากจนถึงขณะนี้ซึ่งกำลังสิ้นสุดปีงบประมาณ 2560 กลับยังไม่มีการจัดซื้อยาเพิ่มเติม นั่นหมายความว่าหลังจากเดือน พ.ย. 2560 ผู้ติดเชื้อฯ จะต้องหยุดยาใช่หรือไม่
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า พวกเราหยุดยาไม่ได้ พวกเราขาดยาไม่ได้ ตรงนี้สะท้อนว่าผู้ป่วยกำลังอยู่ในภาวะที่เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือน แต่เรายังมองไม่เห็นอนาคต เพราะยาหลายรายการได้หมดไปแล้ว ขณะที่ยาที่ต้องจัดซื้อในปี 2561 นั้น ก็ยังไม่มีการจัดซื้อ ซึ่งดูเหมือนว่าเราตกขบวนไปแล้ว โอกาสขาดยาเป็นไปได้สูงมาก การที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้ว่า สปสช. ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่ในการต่อรองราคายาและจัดซื้อยารวมมาตลอดระยะเวลา 10 ปี อย่างไม่เคยมีปัญหานั้น ไม่มีอำนาจในดำเนินการ ก็ขอถามว่าเมื่อ สปสช.ไม่มีอำนาจ เหตุใดจึงไม่เพิ่มอำนาจให้ แต่กลับเลือกใช้กลไกใหม่ที่เพิ่มขั้นตอนให้ยุ่งยากกว่าเดิมหรือไม่
“ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อที่รับยาต้านไวรัสอยู่ประมาณ 3 แสนคน ลองคิดดูว่าถ้าผู้ป่วย 3 แสนคน ต้องเดินไปโรงพยาบาล แล้วโรงพยาบาลไม่มียาให้เบิก นั่นก็หมายความว่าคนเหล่านั้นก็จะมีโอกาสมีเชื้อดื้อยา ระบบหลักประกันสุขภาพก็ต้องเพิ่มเม็ดเงินยิ่งขึ้น ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากกว่าเรื่องกฎหมาย” นายอภิวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ กรณียาต้านไวรัสที่จากเดิมจะได้รับยาต้านฯ ครั้งละ 3 - 4 เดือน แต่ขณะนี้เหลือเพียงครั้งละเดือน โดยระบุว่า มาจากการเปลี่ยนกลไกการจัดซื้อยานั้น นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ไว้ว่า เดิมทีผู้ป่วยได้รับยาที่ใช้ได้นานประมาณ 3 เดือน แต่ประสบปัญหาไม่ค่อยพอโรงพยาบาลหลายแห่งก็จ่ายเพียง 1 เดือน ซึ่งปัญหานี้มีมากว่า 4 - 5 เดือนแล้ว ซึ่งเกิดจากทางผู้ขายยาที่ประสบปัญหาเรื่องการจัดส่งยา ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนหน่วยงานในการจัดซื้อ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนระบบ