สธ. ประชุมร่วมทุกหน่วยงาน เตรียมพร้อมด้านการแพทย์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ กำหนดหน่วยแพทย์ประจำรอบมณฑลพิธี 21 จุด จุดปฐมพยาบาล 113 จุด ประจำพระเมรุมาศจำลองและซุ้มดอกไม้จันทน์ ด้านกรมการแพทย์ทหารบกจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และชุดเดินเท้าดูแลกำลังพลริ้วขบวน พร้อมวางแผนการรับส่งผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน ฝึกซ้อม 7 ต.ค. ก่อนซ้อมใหญ่ 21 ต.ค. นี้
วันนี้ (27 ก.ย.) นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งที่ 1/2560 และให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน อาสาสมัคร อาทิ กรุงเทพมหานคร กรมการแพทย์ 3 เหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองแพทย์หลวงสำนักพระราชวัง โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย เหล่าทัพ กทม. กระทรวงสาธารณสุข แพทยสภา โรงพยาบาลเอกชน และผู้แทนสภากาชาดไทย มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อร่วมกันวางแผนดำเนินการเตรียมความพร้อม ประสานงานในการให้บริการและการจัดการทางการแพทย์ ทั้งภาวะปกติและเหตุฉุกเฉินวิกฤตทางการแพทย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดบริการหน่วยรักษาพยาบาล ระบบส่งต่อผู้ป่วย การจัดอบรมจิตอาสา เพื่อให้การดูแลผู้ที่มาร่วมงานพระราชพิธีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ในด้านการจัดบริการทางการแพทย์ทั้งด้านกายและจิตใจ ได้กำหนดจุดและหน่วยงานผู้รับผิดชอบไว้ 3 ส่วน คือ 1. ศูนย์ปฏิบัติการร่วมการแพทย์และสาธารณสุข ได้แก่ กรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลเหล่าทัพ โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเอกชน แพทยสภา มูลนิธิ และ จิตอาสา จัดหน่วยแพทย์ประจำบริเวณรอบมณฑลพิธี 21 จุด และประจำพระเมรุมาศจำลอง - ซุ้มดอกไม้จันทน์ 113 จุด เป็นจุดปฐมพยาบาล ทีมกู้ชีพขั้นพื้นฐานและขั้นสูง พร้อมรถพยาบาล ระบบการส่งต่อ - ส่งกลับผู้ป่วย ตลอดงานพระราชพิธี เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2560 จนเสร็จสิ้นพระราชพิธี 2. กรมการแพทย์ทหารบกจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และชุดทีมเดินเท้าดูแลกำลังพลในริ้วขบวน และกระทรวงสาธารณสุขดูแลประชาชนรอบนอก 3. ศูนย์ปฏิบัติการร่วมการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับตำรวจจราจร กรมการแพทย์ทหารเรือ เตรียมแผนการส่งกลับกรณีฉุกเฉิน เส้นทางทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งการติดต่อสื่อสาร และการประสานโรงพยาบาลรับส่งต่อ ส่งกลับให้ผู้ป่วยฉุกเฉินไปถึงโรงพยาบาลเร็วที่สุด โดยจะร่วมฝึกซ้อมในวันที่ 7 ตุลาคม และซ้อมใหญ่ 21 ตุลาคม นี้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดเชิญชวนบุคลากรการแพทย์เป็นจิตอาสาด้านการแพทย์ด้วยความสมัครใจ และจัดอบรมประชาชนจิตอาสาตามคู่มือของกรมการแพทย์ ให้มีความรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพ ช่วยสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ ซึ่งประชาชนจะมีความรู้ติดตัวไปใช้ในช่วยชีวิตผู้อื่นต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบให้สำนักสาธารณสุขฉุกเฉินเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ที่กระทรวงสาธารณสุข ในต่างจังหวัดเปิดที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้บัญชาการและรับผิดชอบการบริหารจัดการ จัดทีมแพทย์ประจำจุดพระราชพิธี รถพยาบาล โรงพยาบาลรับ - ส่งต่อ และประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการอบรมจิตอาสาด้านการแพทย์ พร้อมให้การดูแลประชาชนที่มาร่วมงานพระราชพิธีได้อย่างมีประสิทธิภาพ