กทม. ปรับปรุงศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ โดยพัฒนาระบบต่างๆ ของศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงเดือนกันยายน คาดว่า จะมีฝนตกในพื้นที่ กทม. มากขึ้น พร้อมจัดนิทรรศการถาวร “ศูนย์บริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานคร ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำทีมผู้บริหารกรุงเทพมหานครและสื่อมวลชน ตรวจเยี่ยมการดำเนินการของศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ชั้น 6 สำนักการระบายน้ำ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยว่า กทม. ได้ดำเนินการปรับปรุงศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยพัฒนาระบบต่างๆ ของศูนย์ฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น พัฒนาระบบซอฟแวร์ให้มีความทันสมัย จัดทำระบบไฟฟ้าสำรอง จัดทำระบบสำรองข้อมูลป้องกันฐานระบบข้อมูลหลักล่ม จัดทำข้อมูลเพื่อประมวลผลสำหรับการแก้ไขหรือวิเคราะห์สถานการณ์อย่างครอบคลุมและรอบด้าน นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเชื่อมโยงสายเคเบิ้ลใยแก้วเพื่อส่งข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีสูบน้ำ จำนวน 131 สถานี สถานีตรวจวัดระดับน้ำในคลอง จำนวน 263 สถานี และสถานีวัดอัตราการไหลของน้ำ จำนวน 32 สถานี ส่งผลให้สามารถรายงานสถานการณ์น้ำได้แบบเรียลไทม์ สามารถทราบข้อมูลทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ปริมาณน้ำที่อยู่ในคลอง อัตราการไหลของน้ำ ในขณะเดียวกัน ยังทราบด้วยว่าปริมาณฝนที่ตกลงมาในขณะนั้นทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นผิวจราจรตรงจุดใดบ้าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ไปอย่างทันท่วงที
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า กทม. ได้มีการจัดทำนิทรรศการถาวร “ศูนย์บริหารจัดการน้ำกรุงเทพมหานคร ตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" โดยน้อมนำโครงการพระราชดำริและแนวคิดเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำของพระองค์ท่าน เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงจำนวน 7 พื้นที่ ประกอบด้วย 1. ภาพแห่งความทรงจำเสด็จเปิดศูนย์ควบคุมป้องกันน้ำท่วม 2. ควบคุมน้ำให้ได้ดั่งประสงค์ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการตามแนวพระราชดำริ 3. ประมวลพระราชดำรัส 64 ตอน 4. บันทึกเหตุการณ์สำคัญ 5. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริคลี่คลายปัญหาน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 6. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และ 7. การบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำห้องศูนย์บัญชาการ (War Room) ของผู้บริหารในภาวะวิกฤตด้วย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในช่วงเดือนกันยายนนี้ คาดว่า จะมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากขึ้น โดยจากสถิติฝนในรอบ 26 ปี พบว่า เดือนกันยายนจะมีปริมาณฝนเฉลี่ย 340 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นช่วงเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม กทม. มั่นใจว่า จะสามารถรับมือได้แน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องระวังตัวแปรที่เป็นอาจปัญหาอาจอุปสรรคได้ เช่น กระแสลม หรือกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องสูบน้ำและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ กทม. ก็เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในทุกด้าน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด