นักวิชาการแนะทุกประเทศจัดโครงการปิดถนนให้ “คนเดิน - เต้นแอโรบิก” ช่วยเพิ่มกิจกรรมทางกายได้ ชูโครงการ “ซิโคลเวีย” เมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย ทำสำเร็จ สร้างการมีส่วนร่วมได้เกือบ 90% ปชช. มีกิจกรรมทางกายตามเกณฑ์มาตรฐานถึง 60% ชี้ช่วยทั้งสุขภาพและการท่องเที่ยว
น.ส.โอลกา ลูเซีย ซาร์เมียนโต (Olga Lucia Sarmiento) อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแอนดีส (Universidad deLos Aedes) ประเทศโคลอมเบีย กล่าวในเวทีเสวนา “การขับเคลื่อนทางสังคมสำหรับการออกกำลังกายและสุขภาพ : ประเด็นการฟื้นฟูระดับโลก” ในงานประชุมนานาชาติว่าด้วยการกิจกรรมทางกายและสุขภาพ ครั้งที่ 6 (ISPAH 2016 Congress) ว่า ขณะนี้คนทั่วโลกมีกิจกรรมทางกายลดลง การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชากรในแต่ละประเทศมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขับเคลื่อนทางสังคมถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวทางสังคมระดับโลกมีการจัด “โครงการซิโคลเวีย” เพื่อส่งเสริมให้คนในเมืองต่างๆ มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นผ่านการออกกำลังกาย และการเต้นแอโรบิก ซึ่งเป็นโครงการที่นิยมในหลายประเทศ โดยมีการจัดเป็นโปรแกรมมากถึง 496 โปรแกรมใน 26 ประเทศ โดยกว่า 92% จัดขึ้นในประเทศละตินอเมริกา พบว่า ช่วยให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมีกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างโครงการซิโคลเวียในเมืองโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย มีการปิดถนนเพื่อให้ประชาชนในเมืองมีส่วนร่วมในการมีกิจกรรมทางกาย ทั้งการออกมาเดินตามท้องถนน ออกกำลังกาย และเต้นแอโรบิก
“จากการศึกษาพบว่า มีการปิดถนนเป็นระยะทางตั้งแต่ 1 - 113 กิโลเมตร มีกิจกรรมมากกว่า 72 เทศกาล มากกว่า 96% เป็นการสนับสนุนการมีกิจกรรมทางกายด้วยการเต้นแอโรบิก และสอนเต้นรำ มีประชาชนในเมืองเข้าร่วมตั้งแต่ 6 แสน - 1.4 ล้านคนต่อ 1 งาน มากกว่า 92% ผู้เข้าร่วมมาจากครอบครัวฐานะระดับกลางถึงระดับล่าง โดยพบว่า สามารถดึงการมีส่วนร่วมของคนในสังคมได้มากถึง 85.6% ที่สำคัญคนที่เข้าร่วมโครงการมีกิจกรรมทางกายถึงเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึง 60% แต่หากพิจารณาเฉพาะผู้ใหญ่ที่ควรมีกิจกรรมทางกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สามารถทำได้มากถึง 95.5% ที่น่าสนใจคือ 25% จะออกมาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว” น.ส.โอลกา กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม การเต้นแอโรบิก หรือการสอนเต้นรำ จะต้องจัดในสถานที่สาธารณะที่คนสามารถเข้าถึงได้ เช่น สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า สถานที่จัดกีฬา เป็นต้น ส่วนการจะจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคมให้เกิดกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเช่นนี้อย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญอยู่ที่บริบทของชุมชนจะต้องมีความเหมาะสมด้วย
ด้าน ดร.ชาร์ลี ฟอสเตอร์ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ในฐานะประธานสมาพันธ์นานาชาติด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย กล่าวว่า การขับเคลื่อนทางสังคมเพื่อให้คนมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นนั้น ต้องทำให้คนในสังคมเข้าไปอยู่บนถนนแล้วปฏิบัติจริง แต่จะทำเช่นนั้นได้จะต้องจัดกิจกรรมที่ดึงดูดและมีความรู้สึกสนุกที่จะออกมาทำ เช่น ได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว ส่วนจะทำให้ไปถึงระดับนโยบายของเมืองได้อย่างไรนั้น ที่ผ่านมา การออกมาเดินตามท้องถนนมักจะถูกใช้เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่น เดินประท้วง หรือการเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของเมือง ในทางนโยบายนักการเมืองอาจใช้เรื่องของการออกมาเฉลิมฉลองวันสำคัญของเมืองหรือชุมชน เป็นตัวดึงดูดให้ประชาชนออกมามีกิจกรรมทางกาย ที่สำคัญ ต้องหาวิธีสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับเมืองตัวเอง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย เพราะหากสามารถออกแบบกิจกรรมให้มีความแตกต่างจากเมืองอื่น และมีความสนุกสนาน ก็จะดึงดูดคนในเมืองให้ออกมามีกิจกรรมทางกายและสร้างชื่อเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ด้วย นอกจากนี้ ตัวของชุมชนเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนและแสดงออกไปยังนักการเมือง