สธ. จัดอาหารสมุนไพรต้อนรับ “บิ๊กตู่” ตรวจเยี่ยมกระทรวง จัดเมนู 4 ของคาว 1 ของหวาน ช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม พร้อม “กาแฟหมามุ่ย” บำรุงร่างกาย - สมอง “ชาข้าวกล้องคั่ว” ช่วยระบบประสาทตื่นตัว รักษาเหน็บชา ด้าน นายกฯ ถามหาสมุนไพรดูแล “เหงือก” เน้นย้ำใช้ยา “ฟ้าทะลายโจร - ขมิ้นชัน” ให้ความรู้ประชาชนมากๆ
วันนี้ (30 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อประชุมหัวหน้าส่วนราชการสัญจร ซึ่งก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปั่นจักรยานทดสอบสมรรถภาพปอดและหัวใจ พร้อมกับการตรวจมวลร่างกาย ซึ่งเป็นกิจกรรมสุขภาพที่ สธ. เตรียมเซอร์ไพรส์นายกรัฐมนตรี สำหรับเมนูอาหารที่ สธ. จัดรับรองนายกฯ เป็นเมนูอาหารจากสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ โดยมี “อภัยภูเบศร เดย์ สปา” รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นผู้รับผิดชอบ
ภก.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า เมนูเพื่อสุขภาพที่จัดรับรอง คือ 4 เมนูคาว 1 เมนูหวาน ประกอบด้วย 1. ไก่อบสะเลเต เป็นการอบไก่กับเครื่องเทศ “สะเลเต” มีสรรพคุณต้านการอักเสบ และเครื่องเทศอื่นๆ โดยรวมแล้วช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น ประกอบกับมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ จากมะเขือเทศช่วยเสริมพลังย่อย 2. กระพังโหมทอดไข่ เป็นอาหารบำรุงกำลังวังชา โดยกระพังโหมเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงธาตุ ต้านการอักเสบ นิยมรับประทานทางภาคใต้ เป็นยาอายุวัฒนะของขุนพันธรักษ์ราชเดช ปรุงกับไข่ หมูสับ กระเทียม พริกไทย ช่วยเพิ่มการย่อย แต่งรสด้วยปลาเค็ม 3. หูเสือบะช่อตำลึง โดยหูเสือ เป็นสมุนไพรที่ช่วยให้หายใจโล่ง แก้ไอ ขับเสมหะ และช่วยย่อยด้วยกลิ่นหอมแบบออริกาโน จึงเหมาะที่จะเป็นน้ำซุป คู่กับใบตำลึงที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ บำรุงสายตา ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
ภก.ผกากรอง กล่าวว่า และ 4. สายบัวผัดกะปิ โดยสายบัวเป็นยาเย็นที่ช่วยอุ้มชูดูแลลำไส้ด้วยเส้นใย ช่วยเก็บกวาดสิ่งตกค้าง ล้างพิษ ผัดกับกะปิที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ช่วยคลายเครียด อุดมไปด้วยแคลเซียมและมีโปรตีนจากกุ้ง ส่วนของหวานเป็น “ขนมอินทนิลอัญชัน” โดยแป้งเท้ายายม่อมช่วยฟื้นฟูสุขภาพของผนังลำไส้ ผสมสีสมุนไพรจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดส่วนปลายดีขึ้น คุณค่าที่มากกว่าการเป็นอาหารหวาน สำหรับเครื่องดื่มนั้นได้จัด “กาแฟหมามุ่ย” โดยหมามุ่ยมีสรรพคุณบำรุงร่างกายโดยรวม และบำรุงสมองจากการมีสารแอลโดปา ที่โรงพยาบาลใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และ “ชาข้าวกล้องคั่ว” มีวิตามินบี 1 2 6 และ 12 ช่วยให้ระบบประสาทตื่นตัว รักษาเหน็บชา ป้องกันปากนกกระจอก บรรเทาอาการท้องผูก แก้ไขร้อนใน โดยโบราณนิยมนำมาใช้ในแก้เมาค้าง โดยใช้ข้าวกล้อง 2 ทัพพี คั่วกับใบเตยแล้วนำมาตำ จากนั้นผสมน้ำ 1 ลิตร เพื่อใช้ดื่ม
นอกจากนี้ ยังเตรียม “สีผึ้งว่านสาวหลง” เป็นหนึ่งในของที่ระลึกด้วย โดยคนโบราณเชื่อว่าเอารากว่านสาวหลงกัดใส่ในฟันไว้ เวลาพูดอะไรคนก็จะเชื่อ แต่จริงๆ เป็นกุศโลบาย เพราะจากการศึกษาสรรพคุณว่านสาวหลง พบว่า มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยเรื่องกลิ่นปากได้ เวลาไปพูดกับใครก็จะรู้สึกหอมสดชื่น ซึ่งการจะผลิตเป็นผลิตภัณฑ์จะต้องมีขายประวัติที่มาที่ไป จึงนำมาทำเป็นบาล์มหรือสีผึ้งทาปาก ให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น โดยผสมกับขี้ผึ้ง น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันรำข้าว ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่น ซึ่งจริงๆ เราก็มีการต่อยอดเพิ่มเป็นน้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่วันนี้ไม่ได้เตรียมมา ซึ่งนายกฯ ก็ถามถึงตัวน้ำยาบ้วนปาก
เมื่อถามว่า นายกฯ สนใจสมุนไพรตัวใดเป็นพิเศษหรือไม่ ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า นายกฯ มีถามถึงสมุนไพรที่ดีต่อเหงือกและฟัน ก็เลยบอกว่ามีเปลือกมังคุด ซึ่งช่วยเหงือกมีความกระชับ แข็งแรง ไม่ร่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการเสนอเรื่องแนวทางการพัฒนาสมุนไพรอะไรต่อนายกฯ บ้าง ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า นายกฯ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยกรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้มีการจัดทำแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ท่านก็ระบุว่า ปัญหาเรื่องการขับเคลื่อนสมุนไพรอยู่ที่ต้องให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น เพราะภาครัฐเองคงดำเนินทั้งหมดคงไม่ไหว และเน้นย้ำเรื่องการใช้ยา 2 รายการ คือ “ฟ้าทะลายโจร” และ “ขมิ้นชัน” เพราะว่าท่านใช้ประจำ อย่างแรกต้องให้ประชาชนรู้ให้เข้าใจการใช้ยาสมุนไพร และทีมหมอครอบครัวต้องมีความรู้เรื่องนี้ด้วย เวลาลงไปในชุมชนต้องให้คำแนะนำที่ถูกต้อง และส่วนของผลิตภัณฑ์ท่านแนะนำว่าอยากให้มีความกว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งจากการได้พบนายกฯ หลายครั้ง ท่านนายกฯ จะคิดถึงคนระดับล่าง จึงคิดว่าถ้าทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้กว้างขวางขึ้น ก็จะมีการปลูกสมุนไพรมากยิ่งขึ้น คนระดับล่างก็จะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ ท่านยังแนะนำถึงอาหารที่นำมาแสดงอยากให้ลงไปให้ความรู้ทุกชุมชน เพื่อให้เกิดการสืบค้นภูมิปัญญาด้านอาหารของตัวเองและนำมาใช้