สปสช.เผย 10 ปี ประกาศซีแอล ช่วยคนไทยเข้ายารักษาครอบคลุมมากขึ้น ยืดชีวิตผู้ป่วย ประหยัดงบค่ายา เผยเฉพาะกลุ่มยาต้านไวรัสประหยัดกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เอื้อเกิดการต่อรองราคายาในระบบอย่างเหมาะสม
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช.กล่าวว่า ประเทศไทยผลักดันนโยบาย “ประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา” หรือ “ซีแอล” (Compulsory Licensing : CL) โดยประกาศซีแอลเป็นครั้งแรกใน “ยาต้านไวรัสเอฟฟาไวเรนซ์” (Efavirenz) เป็นยารายการแรก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2549 ต่อมายังได้มีการประกาศซีแอลรายการยาอื่นที่จำเป็นต่อการเข้าถึงของผู้ป่วยเพิ่มเติม อาทิ ยาต้านไวรัสสูตรผสมโลพินาเวียร์ และริโทนาเวียร์ (Lopinavir & Ritonavir), ยาโคลพิโดเกรล (Clopidogrel) ซึ่งยารักษาโรคเส้นเลือดอุดตันทั้งในสมองและในหัวใจ ยารักษาโรคมะเร็ง (Docetaxel) ยารักษาโรคมะเร็งเต้านม (Letrozole) และยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Imatinib) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาและการรักษาเพิ่มมากขึ้น
ทพ.อรรถพรกล่าวว่า ผลจากการประกาศซีแอลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงภายใต้งบประมาณที่จำกัด แต่ยังทำให้ สปสช.ประหยัดงบประมาณค่ายาได้อย่างต่อเนื่อง และภายหลังยังส่งผลให้เกิดการต่อรองราคายากับบริษัทยาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ปัจจุบันมียาที่ได้ประกาศซีแอลที่ยังคงในระบบ 3 รายการ คือ 1. ยาต้านไวรัสสูตรผสมโลพินาเวียร์และริโทนาเวียร์ จากราคา 74.23 บาท/เม็ด หลังประกาศซีแอลเหลือ 18.18 บาท/เม็ด และปี 2559 ราคา 12.35 บาท/เม็ด 2. ยาต้านไวรัสเอฟฟาไวเรนซ์ มีขนาดยาต่างๆ อาทิ ขนาด 600 มิลลิกรัม จากราคา 65.78 บาท/เม็ด หลังประกาศซีแอลเหลือ 10.37 บาท/เม็ด ปี 2559 เหลือ 4.578 บาท/เม็ด เป็นต้น และ 3. ยาโคลพิโดเกรล จากราคา 70 บาท/เม็ด หลังประกาศซีแอลเหลือ 1.08 บาท/เม็ด ปี 2559 ราคาอยู่ที่ 2.74 บาท/เม็ด
“เมื่อคำนวณมูลค่าราคายาที่ลดลงจากการประกาศซีแอลทั้งหมด โดยใช้ราคายาในปี 2552 เป็นฐานคิดคำนวณพบว่า เฉพาะในกลุ่มยาต้านไวรัสตั้งแต่ปี 2553-2559 สามารถประหยัดงบประมาณลงได้ 16,569 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมยารายการอื่นๆ ในบัญชียา จ.2 ที่ได้มีการประกาศซีแอล รวมถึงมูลค่าราคายาบัญชี จ.2 ที่ลดลงจากกลไกการต่อรองราคายาซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากประกาศซีแอล” ทพ.อรรถพรกล่าว และว่าการประกาศซีแอลยานับเป็นกลไกสำคัญ ไม่เพียงช่วยให้ประเทศไทยสามารถประหยัดงบประมาณด้านยาเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยเพราะทำให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ โดยเฉพาะในกลุ่มโรคค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพและมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ส่งผลให้การดำเนินกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยสามารถบรรลุตามเจตนารมณ์ที่วางไว้ โดยเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก