กรมอนามัย ชี้ ต้องเร่งคุมกำเนิด “วัยรุ่น” สกัดท้องไม่พร้อม เน้นผู้ชายร่วมรับผิดชอบคุมกำเนิด มีพฤติกรรมรับผิดชอบต่อผู้หญิงและครอบครัว ก่อนเริ่มวางแผนครอบครัวเน้นปรับปรุงคุณภาพการดูแล
วันนี้ (26 ก.ย.) นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเนื่องในวันคุมกำเนิดโลก ว่า ปัจจุบันอัตราการเกิดของไทยลดลง แต่ละครอบครัวมีลูกเฉลี่ยเพียง 1.6 คนเท่านั้น ส่วนปี 2559 คาดว่า อัตราการเกิดของประชากรไทยจะลดลงต่ำกว่า 700,000 คน นอกจากนี้ ปัญหาคือ เด็กที่เกิดมายังด้อยคุณภาพ มีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่า 2,500 กรัม ไม่เจริญเติบโตตามวัย พัฒนาการล่าช้าและสงสัยจะล่าช้าถึงร้อยละ 30 ส่งผลต่อไอคิวของเด็กที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวันรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งการตั้งครรภ์ในกลุ่มเด็กอายุ 15 - 19 ปี พบมากถึง 44 คน ต่อ 1,000 คน คิดเป็นร้อยละ 16 ต่อการตั้งครรภ์ต่อปี
“การคุมกำเนิดจำเป็นสำหรับวัยเจริญพันธุ์ในระยะที่ไม่พร้อม ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 10 ปีบริบูรณ์ จนถึงก่อน 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันมีการออก พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ส่งผลเด็กและเยาวชนจะได้รับสิทธิประโยชน์ 5 เรื่อง คือ 1. การสอนเพศวิถีศึกษาที่เหมาะสมในสถานศึกษา 2. ได้ให้ข้อมูลความรู้และจัดบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ของสถานพยาบาล 3. สถานประกอบกิจการต้องให้ข้อมูลความรู้และส่งเสริมให้เข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ 4. การจัดสวัสดิการสังคมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และ 5. ราชการส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อคุ้มครองสิทธิของวัยรุ่น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.วชิระ กล่าวว่า นโยบายการวางแผนครอบครัวของประเทศไทยในปัจจุบัน ควรมุ่งเน้นกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนทั้งชายและหญิงควบคู่กันไป การคำนึงถึงความต้องการของกลุ่มที่บริการยังเข้าไม่ถึง เช่น ชุมชนสลัมในเขตเมือง พื้นที่ในเขตชนบทที่เดินทางลำบาก ชนกลุ่มน้อย แรงงานต่างด้าว เพื่อส่งเสริมการวางแผนครอบครัวและอนามัยการเจริญพันธุ์ มีบริการให้สอดคล้องตรงกับความต้องการของวัยรุ่น ส่งเสริมให้ผู้ชายมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมในการคุมกำเนิด และมีพฤติกรรมที่รับผิดชอบต่อสตรีและครอบครัว เปิดบริการหลายช่องทางเพื่อให้ประชาชนสามารถไปรับบริการได้ทุกแห่ง เช่น การประสานงานกับเอกชน และการจัดตั้งกลุ่มในชุมชนเพื่อให้บริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ซึ่งทำให้ประชาชนยอมรับและรู้สึกเป็นเจ้าของ และส่งเสริมคุณภาพการดูแล
“เมื่อประเทศไทยสัมฤทธิ์ผลในการคุมกำเนิดแล้ว ในการที่จะดำเนินงานส่งเสริมการวางแผนครอบครัวต่อไป จะต้องเน้นถึงการปรับปรุงคุณภาพการดูแล เน้นให้มีวิธีการคุมกำเนิดหลากหลายวิธี เป็นวิธีที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ผู้รับบริการสามารถเลือกได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการจะต้องให้ความเอาใจใส่ในการเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดของผู้มารับบริการ ให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ผู้รับบริการสามารถตัดสินใจเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยตนเองมากกว่าที่จะพยายามให้ผู้รับบริการใช้วิธีคุมกำเนิดที่ผู้ให้บริการเห็นว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่