xs
xsm
sm
md
lg

จะเป็นแม่ทั้งที ก็ต้องเป็นแม่ที่ดีให้ได้ / ดร.แพง ชินพงศ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตามทัศนคติของผู้เขียนแล้ว บทบาทของความเป็น “แม่” ที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเป็นแม่ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกด้วยการให้นมป้อนข้าวป้อนน้ำให้ลูกเติบโตทางด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการดูแลให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นคนที่มีคุณภาพครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจิตใจด้วย ซึ่งลูกจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างสมบูรณ์นั้นก็ต้องมาจากการเลี้ยงดูจากแม่ที่ดีนั่นเอง 

แม่ที่ดีควรเป็นอย่างไร

1. มีความพร้อมที่จะเป็นแม่ เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะหนึ่งในปัญหาของสังคมในปัจจุบันมักมีจุดเริ่มต้นมาจากคนที่ไม่พร้อมจะเป็นแม่ แต่มีลูกขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจที่จะมี ซึ่งเมื่อให้กำเนิดลูกออกมาก็ไม่ได้เลี้ยงดูและอบรมเอาใจใส่เท่าที่ควร จึงทำให้ลูกเป็นเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่น และมักจะมีพฤติกรรมที่สร้างปัญหาให้สังคม ดังนั้น การเป็นแม่ที่ดีต้องเริ่มต้นที่การมีความพร้อมในการที่จะเป็นแม่ก่อนสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นการมีวุฒิภาวะและวัยที่พร้อมต่อการมีลูก มีการวางแผนครอบครัวที่ดี มีรายได้ และหลักฐานที่มั่นคงเพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกให้ได้กินอิ่ม นอนหลับ ปลอดภัย แข็งแรง และได้รับการศึกษาที่ดีได้

2. มีเวลาให้กับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ต่างก็อยากให้แม่มีเวลาให้เขาอยู่เสมอ ยิ่งตอนที่ลูกยังเล็กอยู่ แม่ยิ่งต้องให้เวลากับลูกมากที่สุด แม้จะมีภาระหน้าที่การงานมากเพียงใดก็ตาม ก็ต้องให้เวลาแก่ลูกในการอุ้ม การกอด การพูดคุย ทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น เล่นกับลูก เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน เมื่อลูกโตเป็นวัยรุ่นซึ่งอยู่ในวัยที่แสวงหาตัวตน แม่ก็ควรจะปรับตัวให้เป็นเหมือนแหล่งพักพิงใจให้กับลูก โดยให้เวลาในการพูดคุยเป็นที่ปรึกษาให้กับลูก ๆ อยู่เสมอด้วยความเข้าใจ และอยู่เคียงข้างลูกเสมอ ไม่ว่ายามที่ลูกสุขหรือทุกข์ก็ตาม

3. รักและให้อภัย คนเป็นแม่สามารถแสดงความรักกับลูกได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโอบกอด อุ้ม หอม แก้ม ลูบหัว การพูดจาที่อ่อนโยนและให้กำลังใจกับลูก แม่ที่แสดงให้ลูกรู้ว่ามีความรักให้กับลูกอยู่เสมอนั้น จะทำให้ลูกเป็นคนที่มีความสุข มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีมากกว่าเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นจากแม่ นอกจากนี้ เมื่อลูกทำผิด หรือมีความผิดพลาดในสิ่งใดก็ตาม เช่น ทำข้าวของเสียหายหนีเที่ยว สอบตก ฯลฯ แม่ที่ดีควรเข้าใจ รับฟัง และให้อภัยลูกอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรละเลยในการตักเตือน หรืออาจมีการลงโทษว่ากล่าวตามสมควร ซึ่งก็อย่าใช้วิธีลงโทษรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกาย หรือด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายกับลูกเลย เพราะนั่นจะเป็นการสร้างบาดแผลในใจลูกให้คิดไปว่าแม่เกลียดตนเอง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ลูกกลายเป็นคนก้าวร้าวดุดันและประชดทำในเรื่องร้าย ๆ มากยิ่งขึ้นได้

4. อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี คำที่กล่าวกันว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” นั้น เป็นเรื่องจริง เพราะลูกจะซึมซับพฤติกรรมของแม่ไว้ ฉะนั้น แม่เป็นอย่างไรลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้นนั่นเอง ถ้าตัวแม่เองยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกไม่ได้ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ดีได้เลย ยกตัวอย่าง เช่น

- ถ้าแม่เป็นคนที่มีนิสัยหยาบคาย ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนสุภาพเรียบร้อยได้

- ถ้าแม่เป็นคนที่ใจแคบตระหนี่ถี่เหนียว ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ใจกว้างชอบแจกจ่ายให้ผู้อื่นได้

- ถ้าแม่เป็นคนมีนิสัยปลิ้นปล้อนหลอกลวง ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ซื่อตรงและจริงใจได้

- ถ้าแม่เป็นคนขี้โกงมักได้ละโมบโลภมาก ก็อย่าหวังว่าลูกจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และรู้จักพอ

สำหรับผู้หญิงทุกคนที่คิดจะเป็นแม่ หรือวางแผนที่จะเป็นแม่คนนั้น ควรเริ่มต้นในการที่จะเช็กตัวเองดูก่อนว่าใจพร้อม กายพร้อม ความรับผิดชอบพร้อม ที่จะดูแลชีวิตน้อย ๆ ที่จะเกิดมาได้อย่างดีหรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าพร้อมแล้ว และได้เป็นแม่คนแล้วก็ควรจะเป็นแม่ที่ดูแล ทะนุถนอม เอาใจใส่ และมีเวลาให้กับลูกอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นแม่ที่มีความรักและให้อภัยกับลูกเสมอ ที่สำคัญ จงเป็นแม่ที่ลูก ๆภูมิใจ โดยอย่าเป็นแม่ที่เป็นตัวอย่างเลวร้ายให้กับลูกเลย 

“สุขสันต์วันแม่” คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น